โชเฟอร์กระบะตู้ทึบส่งพัสดุ ขับหนีตายโร่แจ้งตำรวจ ถูกเก๋งขับประกบรัวยิงหลายนัด รับขับปาดกันไปมา ระยะทางกว่า 30 กม. ขณะที่ ตร. ทราบหมายเลขทะเบียนรถคันที่ก่อเหตุแล้ว

วันที่ 19 ก.ย. 68 จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ "เจ๊ม้อย V+" ได้โพสต์คลิปภายในรถกระบะคันหนึ่งพร้อมระบุว่า "อุกอาจมาก! กระบะโดนไล่ยิงกลางถนน โดยไม่สนรถคันอื่นที่สัญจรไปมา #บุรีรัมย์หนองกี่ สรุปคร่าวๆ ว่า กระบะขับแช่ขวาที่ความเร็ว 100-110 กม./ชม. แต่มีรถเก๋งวิ่งเร็วกว่า กระพริบไฟให้หลบแต่กระบะคิดว่าให้แซงซ้ายไป เพราะซ้ายยังว่าง รถเก๋งจึงมีการเปิดไฟสูงไล่หลังกันมาเรื่อยๆ กระบะจึงยอมหลบให้แล้วเปิดไฟสูงไล่หลังแทน ทำให้รถเก๋งที่หลบทางซ้าย ทำการบรรจุกระสุนกดไล่หลัง 2 รอบ รวม 15 นัด ทางด้านคนขับและคนนั่งข้างปลอดภัย ตอนนี้ก็พอทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ยืนยันไม่เคยรู้จักมาก่อน" 

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

...


จากการสอบถาม พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ไกรราช ผกก. สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. บริเวณถนนเส้น 24 สายโชคชัย - เดชอุดม ขาเข้าตัว อ.หนองกี่ กม.ที่ 82-84 ต.ไทยเจริญ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา นายหนึ่ง นาวาทอง อายุ 29 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ได้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ แล้วแจ้งว่าขณะขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ลักษณะแต่งซิ่งท้ายกระบะดัดแปลงเป็นตู้ทึบสำหรับส่งพัสดุ ขับมาตามถนนสาย 24 ก่อนเข้าเขตอำเภอหนองกี่ ถูกคนร้ายขับขี่รถเก๋งไล่ติดตามและใช้อาวุธปืนยิงถูกบริเวณตู้ทึบด้านท้าย รถได้รับความเสียหาย

ต่อมาตำรวจได้ให้ผู้เสียหายนำไปตรวจที่เกิดเหตุ จุดที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง จากการตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืน จำนวน 4 ปลอก จึงตรวจเก็บไว้เป็นพยานหลักฐาน จากนั้นได้สอบสวนปากคำผู้เสียหายไว้ แล้วแจ้งให้ทราบว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตอำนาจสอบสวนของ สภ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา และได้แจ้งให้เดินทางไปร้องทุกข์ที่ สภ.หนองบุญมาก ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองกี่ จะได้รีบดำเนินการส่งคำให้การและพยานหลักฐานทั้งหมด ไปยัง สภ.หนองบุญมาก เพื่อทำการสอบสวนต่อไป

เบื้องต้นตำรวจทราบว่ารถเก๋งที่ก่อเหตุ ยี่ห้อมาสด้าสีเทา ซึ่งทราบหมายเลขทะเบียนแล้ว จึงอยากฝากถึงเจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าว ให้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ด้วย

จากการสอบสวน นายหนึ่ง เล่าว่า ตนเองรับพัสดุจากสมุทรปราการ แล้วตระเวนส่งไปในหลายจังหวัดในภาคอีสาน รถเก๋งคันดังกล่าวได้ขับรถปาดกันไปมา ตั้งแต่ทางต่างระดับสีคิ้ว จนมาถึงที่เกิดเหตุ ระยะทางกว่า 30 กม.