หญิงวัย 62 ขึ้นเขากับสามี เห็นก้อนกลมสีขาวเอามือคว้าหวังเก็บเห็ด ที่แท้เป็นงูกะปะกำลังกกไข่ โดนฉกที่นิ้ว โชคดีสามีพาไปโรงพยาบาลทัน เตือนคนเก็บเห็ดระวังฤดูงูวางไข่


วันที่ 7 ก.ย.68 หน่วยกู้ชีพนำตัวนางแฉล้ม ปิ่นสุวรรณ์ อายุ 62 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พร้อมซากงูกะปะ ไปส่งโรงพยาบาลนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์

หลังจากไปเก็บเห็ดที่เขาคอก ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แล้วถูกงูกะปะกัดบริเวณนิ้วกลางขวาได้รับบาดเจ็บ แพทย์ได้ฉีดเซรุ่มเพื่อรักษาเบื้องต้นแล้ว รอดูผลการตรวจเลือดหากพบว่าเป็นปกติจึงจะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

นางแฉล้ม เล่าว่า ตนเองไม่เคยไปเก็บเห็ดมาก่อน แต่เห็นเพื่อนบ้านไปเก็บเอาไปขายได้เงิน คนละ 1,000-2,000 บาทต่อวัน จึงอยากจะไปเก็บกับเขาบ้างเพราะนอกจากจะได้กินแล้วยังขายได้เงินอีกด้วย จึงชวนสามีไปตั้งแต่ตี 5 วันนี้

เมื่อขึ้นไปบนเขาเก็บเห็ดได้ถึง 3 ตะกร้า พอดีไปเห็นลูกกลมๆ สีขาวอยู่ใต้ใบไม้ คิดว่าจะต้องเป็นเห็ดอย่างแน่นอน จึงเอามือสอดเข้าไปหวังจะเก็บ จากนั้นมีความรู้สึกว่ามีอะไรมากัดบริเวณนิ้วกลางขวา จึงเรียกให้สามีมาดูและมาพบว่าเป็นงูกะปะ ดังกล่าว

...

นางแฉล้ม ยอมรับว่าเสียใจเพราะเพิ่งมาเก็บเป็นวันแรกโดนงูกัดทันที หลังจากนี้คงจะเข็ดไปอีกนานหรืออาจจะไม่ได้มาเก็บเห็ดอีกเลย

ขณะที่นายบัญชา ชื่นอุรา อายุ 50 ปี สามีผู้บาดเจ็บเล่าว่า ก่อนหน้านี้ภรรยาไม่เคยคิดที่จะไปเก็บเห็ด แต่มาแปลกชวนตนไปเก็บเห็ดด้วย จึงขับรถไปส่ง ช่วงนั้นภรรยาบอกว่าไม่รู้ว่าอะไรกัด จึงหันไปดูจุดที่ภรรยาบอก แล้วเอาไม้เขี่ยดูพบเป็นงูกำลังฟักไข่อยู่ จึงเอาไม้ตีแล้วเอางูใส่ถุงติดไปด้วยเพื่อหมอจะได้วิเคราะห์ได้ถูก ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ตนรู้เส้นทางลงเขาได้เร็วต่างจากคนอื่นที่ขึ้นไปหาเห็ดแล้วส่วนใหญ่หลงทางกัน


ส่วนหนึ่งก็อยากเตือนคนเก็บเห็ดว่าช่วงนี้เป็นช่วงงูฟักไข่ มักจะอยู่ใต้ใบไม้แห้ง เมื่อเราไปเหยียบใส่ หรือเอามือไปใกล้ก็อาจจะถูกกัดได้ เท่าที่ทราบจากหน่วยกู้ชีพ วันนี้วันเดียว มีชาวบ้านโดนงูกัดแล้ว 3 ราย

สำหรับ งูกะปะ ผู้มีความรู้ด้านนี้ตั้งฉายางูชนิดนี้ว่า”กับระเบิดชีวภาพ” เพราะชอบนอนขดเหมือนกับระเบิดจะไม่แสดงอาการเหมือนงูเห่าหรืองูจงอาง เป็นงูที่มีพิษร้ายแรง โดยจัดเป็น 1 ใน 7 งูพิษที่มีความสำคัญทางการแพทย์และพิษวิทยาของไทย เนื่องจากพิษมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ เลือดไหลไม่หยุดบริเวณรอยเขี้ยว บวมอย่างรวดเร็ว และอาจเกิดเนื้อตายจนแผลเน่าเหม็น ซึ่งอาจนำไปสู่ความดันโลหิตต่ำและการเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที.