ภาพเหตุการณ์ยังติดตา ปู่ย่า "น้องน้ำโขง" ขอบคุณทุกความช่วยเหลือที่สร้างบ้านหลังใหม่ให้ เผยยังกินนอนไม่ได้ คิดถึงหลานทุกวัน เห็นด้วยหากทหารสรัางรั้วกั้นเขตแดน ประณามกัมพูชาที่จงใจประดิษฐ์วัตถุระเบิดอนุภาคร้ายแรง เพื่อโจมตีพลเรือน
วันที่ 4 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ บรรยากาศบ้านของนายสุที บุญแต่ง อายุ 60 ปี และนางสะทน กันภัย อายุ 63 ปี ปู่และย่าของ ด.ช.ธิติวัฒน์ บุญแต่ง หรือ น้องน้ำโขง อายุ 8 ขวบ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เหตุกระสุนจากอาวุธวิถีโค้งของฝ่ายกัมพูชาตกลงมาในหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
โดยนางสะทน ย่าน้องน้ำโขงและเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันทำอาหารเที่ยง เพื่อจะเลี้ยงช่างที่มาช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ และได้พาผู้สื่อข่าวเข้ามาดูบ้านที่เสียหาย ซึ่งยังคงไม่ได้รื้อออก โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารช่างมาช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้ ซึ่งนายสุที และนางสะทน ยังอยู่ในความวิตกกังวล พร้อมทั้งยังคิดถึงหลานชายที่มาเสียชีวิต พร้อมประณามกัมพูชาใจคอโหดเหี้ยม ใช้อาวุธสังหารฆ่าพลเรือน
...
นางสะทน เล่าว่า ทุกวันนี้ตนยังนอนไม่หลับยังกินข้าวไม่ได้เพราะภาพเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุยังคงติดตาติดใจตนอยู่ทุกวันเหมือนเหตุเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตนขอประณามทางกัมพูชาว่า มีความโหดร้าย กัมพูชาจงใจโจมตีเป้าหมายพลเรือน ทั้งที่ตรงนี้ไม่มีฐานทหาร หรือที่มั่นทหารตั้งอยู่เลย มันเป็นความไม่ถูกต้อง
ด้านนายสุที เล่าว่า หลังจากมีการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่บ้านของตนนั้น ตนก็ได้พบและสังเกตเห็นว่า ระเบิดที่ใช้นั้นผิดจากสมัยก่อนที่ตนเคยประสบพบเจอมา เพราะสะเก็ดระเบิดในครั้งนี้ เป็นเม็ดกลมๆ ลูกเล็กๆ กระจายอยู่เกลื่อนพื้นที่ ตนนั้นเก็บได้เป็นกำๆ มือ ซึ่งตนนั้นคิดว่าทางกัมพูชาจงใจประดิษฐ์วัตถุระเบิดที่มีอนุภาคร้ายแรงอันนี้ขึ้นมา เพื่อฆ่าชีวิต และโจมตีพลเรือนไทย ซึ่งใน 1 ลูกนั้น ตนคาดว่าเป็นแสนเป็นล้านลูก ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอยู่ในระเบิดลูกหนึ่ง จึงทำให้เกิดความสูญเสียเป็นวงกว้าง ตนขอประณามกัมพูชาทั้งผู้นำและทหารผู้สั่งการ ว่าใจคอโหดเหี้ยมใจร้ายทำได้แม้แต่คนที่ไม่มีทางสู้ ไม่มีอาวุธ ซึ่งตนนั้นรับไม่ได้กับการกระทำ
ส่วนบ้านนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เข้ามาสร้างบ้านหลังใหม่ให้ตน คาดว่าประมาณ 45 วันก็จะแล้วเสร็จ ตนนั้นขอขอบคุณผู้ที่เข้าช่วยเหลือทุกคน และคนไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ตนและครอบครัว ซึ่งในการสร้างบ้านครั้งนี้ ตนก็ได้ดูแลผู้ที่เข้ามาช่วยก่อสร้างโดยการทำอาหารกลางวันเลี้ยงทุกวัน เพื่อเป็นการตอบแทนในน้ำใจที่เข้ามาช่วยเหลือตนตามอัตภาพ
ด้านความเห็นส่วนการสร้างรั้วนั้น ตนเห็นชอบด้วยเป็นอย่างยิ่ง ตนนั้นอยากให้สร้างเป็นรั้วคอนกรีตอย่างแน่นหนาหรือเหมือนกำแพงเมืองจีนไปเลย เพราะแค่รั้วลวดหนามหีบเพลงนั้นน่าจะกันไม่ได้ 100% ถ้าเป็นไปได้ ก็ตัดความสัมพันธ์ไม่ต้องพูดคุยกันไปเลย ไม่ต้องเห็นเงากันน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะกัมพูชาไว้ใจไม่ได้.