“ส.อ.ธีรพล" เหยียบกับระเบิดขาขาด ย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี เตรียมหาขาเทียมใส่ที่เหมาะสม พี่สาวเผยน้องชายเข้มแข็งสุด พยายามปกปิดความเจ็บปวด ส่วนจะกลับมาเป็นทหารต่อหรือไม่ ต้องฟังจากเจ้าตัว


วันที่ 20 ส.ค. 68 จากกรณี สิบเอกธีรพล เพียขันที อายุ 48 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ทหารพรานที่เหยียบทุ่นระเบิดที่ทหารกัมพูชาวางไว้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งปราสาทตาเมือนทม จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ขาซ้ายของสิบเอกธีรพล ขาดและได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ ตั้งแต่วันเกิดเหตุนั้น

ล่าสุด หลังอาการดีขึ้นได้มีการส่งตัวสิบเอกธีรพลไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา เนื่องจากมีเครื่องมือทางการแพทย์ครบกว่า และเตรียมหาขาเทียมใส่ที่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของสิบเอกธีรพล ถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ โดยครอบครัวยังเสียดายและเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ส่วนหนึ่งดีใจที่ได้รับใช้ชาติ


นางสาคร เพียขันที อายุ 78 ปี แม่ของสิบเอกธีรพล บอกว่าโทรศัพท์ติดต่อลูกชายตลอดระหว่างการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ลูกชายมักจะถามตนเสมอว่า ”แม่อย่าร้องไห้นะ ผมดีขึ้นแล้ว” ตนก็ตอบไปว่า ถ้าลูกดีขึ้นแม่ก็ดีขึ้น ถ้าลูกไม่ดีขึ้นแม่ก็ไม่ดีขึ้นเหมือนกัน ส่วนการจะกลับมาเป็นทหารอีกครั้งนั้นตนก็บอกว่าจะทำได้ไหม ลูกชายตอบว่าคอยดูก่อน

...

ขณะนางมัลลิกา ทุมจันทร์ อายุ 52 ปี พี่สาวสิบเอกธีรพล บอกว่าจากที่ไปตรวจสอบอาการน้องชายยังสดใส ดูแล้วเหมือนจะแข็งแรง แต่ในส่วนลึกๆที่ตนสัมผัสได้ตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัด มองดูแล้วเขาก็จะเจ็บและปวด

แต่เมื่อเราถามน้องชายบอกว่าไม่ได้เจ็บ สบายดี เท่าที่เห็นหลังผ่าตัดน้องชายจะร้องด้วยความเจ็บปวดเหมือนเด็ก แต่เวลาคนอื่นมาจะแสดงปฏิกิริยาว่าไม่เจ็บไม่ปวด น้องชายพยายามทำตัวร่าเริง เพื่อไม่อยากให้แม่กังวล หลายครั้งที่ไม่อยากให้แม่ไปดูอาการ


ที่สำคัญวันเกิดเหตุเป็นวันแม่แห่งชาติ เพราะทุกวันแม่เขาก็จะมากราบแม่ แต่ทุกครั้งไม่ใช่เฉพาะวันแม่ เมื่อน้องชายกลับบ้านก็จะมากราบแม่ทุกครั้ง เพราะนานๆ ทีจะได้กลับบ้าน การกลับมาครั้งนี้จึงเหมือนเป็นลางสังหรณ์

ยอมรับว่าวันที่จะไปรบคือวันที่ 24 น้องตื่นไปตั้งแต่ตี 4 แม่ไม่รู้ว่าเขาก็ไม่ได้กราบแม่ ทำให้แม่กังวลอยู่ตลอดเวลาว่า”วันนั้นมันไม่ได้กราบแม่นะ” โดยเฉพาะช่วงที่มีการปะทะกันแม่พูดเสมอว่า แม่เสียใจนะที่ไม่ได้ลงมาให้ลูกกราบ

ตอนนี้น้องชายยังไม่ตัดสินใจดีว่าจะทำงานต่อหรือไม่ ส่วนหนึ่งน้องชายบอกว่าอยากจะออก เพราะชอบอาชีพเลี้ยงไก่ อาจจะไปช่วยแฟนขายของหรือไม่ ซึ่งจะต้องพูดคุยกันอีกที ส่วนหนึ่งก็อยากขอพูดเรื่องกัมพูชายิ่งดูข่าวปลอมยิ่งเจ็บใจ