รุดช่วยเหลือครอบครัวนักรบชุดดำ "อส.ทพ.ประวิทย์ งามแสน" แนวหน้าชายแดน บาดเจ็บสาหัส ถูกสะเก็ดระเบิดฝังในกะโหลกศีรษะ มอบเงินเยียวยา-เครื่องใช้ไฟฟ้า หลังผู้บังคับบัญชาเตรียมสร้างบ้านใหม่ให้
จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราว ของอาสาสมัครทหารพราน ประวิทย์ งามแสน อายุ 35 ปี แนวหน้าเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุปะทะ บริเวณอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ถูกสะเก็ดระเบิดฝังในกะโหลกศีรษะ ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ และฟื้นในที่สุดหลังจากทำการรักษามา 10 วัน แต่หมอลงความเห็นว่าอาจจะทุพพลภาพ ร่างกายไม่เหมือนเดิม เพื่อหวังในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ส.ค. 68 นางสาวนิชฌา พันธุ์วรรณ ที่ปรึกษาพิเศษนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้แทนนายก อบจ. และผู้แทน สส.สุขสมรวย วันทนียกุล สส.เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และ สส.ญาณีนาถ เข็มนาค สส.เขต 2 จังหวัดอำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคและเงินช่วยเหลือ มอบให้กับนางอุไรพร งามแสน แม่อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ประวิทย์ งามแสน อายุ 35 ปี แนวหน้าชายแดนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
...
พร้อมกับสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้กับครอบครัว โดยบ้านที่กำลังสร้างใหม่นั้น ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากครอบครัวของผู้บังคับบัญชาของอาสาสมัครทหารพราน จำนวน 300,000 บาท เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ต้องอาศัยอยู่กระต๊อบหลังเล็ก
สำหรับครอบครัว อส.ทพ.ประวิทย์ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 5 คน และเป็น อส.ทพ. 3 คน
โดยผู้เป็นพ่อ คือ นายชิน งามแสน เป็นอาสาสมัครทหารพราน
ลูกชายคนที่ 1 คือ นายสุริยา งามแสน เป็นอาสาสมัครทหารพราน (ขณะนี้ประจำที่ภูมะเขือ)
ลูกชายคนที่ 2 คือ นายสาธิต งามแสน
ลูกชายคนที่ 3 คือ นายประวิทย์ งามแสน เป็นอาสาสมัครทหารพราน ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ลูกชายคนที่ 4 คือ นายสิทธิ์ศักดิ์ งามแสน
ลูกชายคนที่ 5 คือ นายณัฐพงษ์ งามแสน
ซึ่งในขณะนี้ อส.ทพ.ประวิทย์ ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี โดยมีคุณพ่อ คือ อส.ทพ.ชิน งามแสน คอยดูแล
จากการสอบถาม นางอุไรพร ผู้เป็นแม่เล่าว่า หลังจากที่เริ่มมีปะทะกันที่ชายแดน ลูกชายทั้ง 2 คน รวมถึงพ่อ ก็ถูกเรียกตัวไปประจำการที่ชายแดน ในวันที่ลูกได้รับบาดเจ็บ ทันทีที่รู้ข่าวก็แทบทรุด ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย
สำหรับ อส.ทพ.ประวิทย์ มีภรรยาและลูกสาวอายุ 10 ปี ที่ต้องดูแล และมีฐานะยากจน ต้องอาศัยอยู่ในกระต๊อบแคบๆ ไม่สะดวกสบาย เวลาที่ต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด เมื่อทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้รับทราบ จึงได้ตอบแทนความเสียสละของทหารพรานที่เสียสละปกป้องผืนแผ่นดิน โดยการสนับสนุนสร้างบ้านให้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ