มอบตัวแล้ว "อดีตพระมานพพร" เจ้าคณะตำบลเขาแก้ว เขต 2 ถูกกดดันหนัก หลังก่อเหตุบุกยิงเจ้าคณะตำบลด้วยกัน ที่ จ.เลย และซิ่งเก๋งหลบหนีมาบ้านเกิดที่สารคาม อ้างแค้นใจ ถูกกลั่นแกล้ง และเหยียดหยามหลายครั้ง

จากกรณีที่ "พระอธิการมานพพร ฐานวีโร" เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ได้ขับรถเก๋งหลับหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิง "พระมหาโยธิน เขมิโย" เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ "พระครูถาวร เทวะธรรม" เจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวะราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย สามารถหลบหนีได้ทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยเกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย

ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุ ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนกระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ขณะที่ทางเจ้าคณะจังหวัดเลย ได้มีหนังสือถอดถอน "เจ้าอธิการมานพพร ฐานวีโร" เจ้าคณะตำบลเขาแก้ว เขต 2 เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง ตำบลธาตุ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย (ผู้ก่อเหตุ) ออกจากตำแหน่งพระสังฆาธิการทุกตำแหน่ง ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (เตรียมออกหมายจับ "เจ้าคณะตำบล" หลังก่อเหตุยิงพระด้วยกัน แล้วซิ่งเก๋งหลบหนี)

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 6 ส.ค. 2568 เวลา 12.00 น. ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.วสันต์ เกศะรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม พ.ต.อ.สุเมธ พิทักษ์เกียรติยศ ผกก.สส.ภ.จว.มหาสารคาม ได้ทำการจับกุม นายมานพพร สิทธิจันทร์ หรือ อดีตพระมานพพร สิทธิจันทร์ อายุ 47 ปี ชาว อ.เชียงคาน จ.เลย ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงพระ 2 รูป ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย หลังจากขับหลบหนีมายังพื้นที่ จ.มหาสารคาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ ภ.จว.มหาสารคาม ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ตั้งแต่เช้าวันที่ 5 ส.ค. 68 และเข้ากดดันญาติ จนกระทั่งผู้ก่อเหตุจึงตัดสินใจเข้ามอบตัว และจะให้ทาง สภ.เชียงคาน จ.เลย มารับตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป

...

จากการสอบถาม นายมานพพร ให้การว่า เหตุการณ์ในวันนั้นได้มีการปรึกษากันโดยไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เกิดจากสาเหตุที่ตนเองโดนกลั่นแกล้ง จากทางพระทั้ง 2 รูปนี้ตลอด ทั้งเรื่องปกครองสงฆ์ เรื่องกิจนิมนต์ต่างๆ ในพื้นที่ พระ 2 รูป ดูถูกเหยียดหยาม เรื่องต่างๆ ที่ตนเองเป็นพระต่างถิ่น จึงตัดสินใจใช้ปืนไทยประดิษฐ์ .38 เป็นแบบลูกแฝด ที่ซื้อจากชาวลาวมา 2,500 บาท พร้อมลูกปืน ไปยิงใส่พระทั้ง 2 รูป ได้รับบาดเจ็บ 1 รูป หลบหนีได้ 1 รูป 

ตนเองไปเอาปืนมาเพื่อยิงขู่ แต่มือสั่นไม่คาดคิดว่าจะโดน ยิงออกไปทั้ง 2 นัด ตนเองก็ตกใจ หลังจากก่อเหตุก็ได้ใช้รถยนต์ที่น้องชายซื้อไว้ให้ตนเอง ขับหลบหนีเพื่อกลับมาบ้านที่มหาสารคาม ส่วนปืนของกลาง ให้การว่าทิ้งระหว่าง ขณะหลบหนี ระหว่างเส้นทาง อ.ภูกระดึง จ.เลย พอโดนกดดันมากๆ ทางน้องชายก็เลยพามามอบตัว เพราะสำนึกผิดแล้ว ช่วงที่หนีกลับมาถึงมหาสารคาม ก็ไม่ได้ไปสึก แค่เปลี่ยนชุดมาใส่เลย

ส่วนประวัติ ตนเองบวชพระที่ จ.นครนายก เมื่อปี 2561 ได้รู้จักกับพระที่เมืองเลยชักชวนมาจำวัดจนได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อปี 65 และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลปี 67 ตนเองเคยมีประวัติลักทรัพย์ 2 ครั้ง เพิ่งออกจากเรือนจำล่าสุดเมื่อปี 57

ด้าน พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้ประสานทาง สภ.เมืองมหาสารคาม เพราะพระมานพพร เป็นคนมหาสารคาม ทาง สภ.เมืองมหาสารคาม จึงได้ทำการประกาศจับให้แจ้งเบาะแสให้กับทาง สืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม มูลค่า 3,000 บาท ทางเราได้ลงกดดันตรวจค้นตามหาตามจุดต่างๆ จนกดดันให้ทางพระมานพพรเข้ามามอบตัว

โดย ด.ต.ประชากร นาแก้ว อดีตตำรวจคนบ้านเดียวกับนายมานพพร ได้รับการประสานกับทางน้องชาย ให้ทำการประสานกับทาง ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม เพื่อเข้ามอบตัว จะให้ความเป็นธรรม ถ้าไม่เข้าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จากหนักจะเป็นเบา

ทางด้านนายบวร สิทธิจันทร์ น้องชาย นายมานพพร เผยว่า ตนเองได้ติดต่อผ่านอดีตตำรวจ ให้พาพี่ชายเข้ามอบตัวหลังจากที่เขาติดต่อตนเองมาเมื่อวานนี้ ว่ามีเรื่องกัน ตนเองก็ไม่ทราบสาเหตุอะไรกับพี่ชายมากนั้น ก็เลยชวนให้แกมามอบตัว เห็นแต่ว่าแกโดนกดดันมาตลอด ตอนเป็นพระก็เป็นพระนักพัฒนามาตลอด