เปิดใจ "มาดามอ้อย-มาดามปู" หญิงไทยเล่านาทีพูดภาษา "ดัตช์" กับทูตทหารเนเธอร์แลนด์ ดีใจที่มีส่วนได้ชี้แจงสถานการณ์ของไทย แม้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ พร้อมแจงดราม่าทำไมยิ้ม
จากกรณีหญิงไทย 2 คน ได้เล่าเหตุการณ์กัมพูชาโจมตีไทยให้ทูตทหารเนเธอร์แลนด์ฟังเป็นภาษา "ดัตช์" ที่ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา จนต่อมากลายเป็นไวรัล มีคนชื่นชมจำนวนมากนั้น (อ่านข่าว : ไวรัลปัง หญิงไทยสปีคภาษา "ดัตช์" เล่าเหตุกัมพูชาโจมตีไทยให้ทูตทหารเนเธอร์แลนด์ฟัง)
ล่าสุด (2 ส.ค. 68) ทีมข่าวได้สอบถาม "มาดามปู" หรือ นางสาวศิริยุคล ฟาน อัคคาเลิน อายุ 50 ปี ไทย-ดัตช์ เปิดเผยว่า ไม่ได้ตื่นเต้นกับกระแส แต่ดีใจที่ทุกคนให้กำลังใจ ส่วนที่มีดราม่าว่าทำไมต้องยิ้ม ไม่ทำหน้าเศร้า เป็นเพราะว่าเปิดฉากคุยด้วยคำว่า "สวัสดีตอนบ่าย" เพื่อแสดงตัวว่ามีพลเมืองเนเธอร์แลนด์อยู่ที่นี่
ส่วนที่ได้เดินทางไปที่ปั๊มน้ำมัน มาดามปู เล่าย้อนว่าตัวเองกำลังไปซื้อต้นไม้ แล้วเกิดหิวข้าว จึงขับรถไปหาพี่อ้อย จึงถูกพี่อ้อยชักชวนไปหาท่านทูตเนเธอร์แลนด์ ที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตรงกับใจตัวเองมากๆ เพราะอยากจะไปคุยด้วยเพื่อเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่พอไปถึงก็พบว่าทุกคนยังอยู่ในวงล้อมของสื่อและทหาร จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาทหาร และถามว่า "รู้ไหม คนไหนทูตเนเธอร์แลนด์" ซึ่งน้องทหารก็น่ารักมาก เดินไปถามให้โดยไม่ได้ซักไซร้ แม้ว่าจะแต่งตัวแบบนั้น (ชุดทำไร่สีเขียว) จึงเดินไปใช้เสียงดัง (ตะโกน) "สวัสดีตอนบ่าย" เป็นภาษาดัตช์ ท่านทูตก็เดินยิ้มมา ต่างคนก็ยิ้มให้กันด้วยความดีใจ
...
รู้ว่ามีเวลาไม่นาน จึงรีบแนะนำตัวและเล่าเหตุการณ์วันที่ 24 ก.ค. ที่เกิดขึ้นจริงๆ เป็นความจริงที่ "ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้" เชื่อว่าท่านทูตรู้เหตุการณ์อยู่แล้ว แต่เราแค่มายืนยันในฐานะพลเรือนของดัตช์ ซึ่งเชื่อว่าท่านจะรับฟังด้วยใจ
ถามท่านทูตว่า จะช่วยอะไรไทยได้บ้าง การที่มาแบบนี้ จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้างไหม ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า “ต้องรอดู คนที่ต้องจัดการแน่ๆ คือรัฐบาล เพราะนี่เป็นเรื่องของการเมือง รวมถึงผู้นำมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนที่ต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณา ก่อนออกเดินทางไปอีกจุดหมาย ท่านก็โบกมือให้ด้วย
กลายเป็นแรงบันดาลใจ ยืนยันว่าไม่มีแผนหรือแพลนจริงๆ เราไปด้วยใจที่อยากไปคุยกับเขา และเราประสบความสำเร็จ อยากให้ทุกคนช่วยกัน พระพยอมสอนว่าเวลามีค่าอะไรที่สละได้ก็ควรสละ
"มาดามปู" ยังเล่าได้ว่า ตัวเองเกิดและโตที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย ก่อนจะไปเรียนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่งงานและอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์กว่า 20 ปี ก่อนจะกลับมาประเทศไทยช่วงโควิด-19 ตัวเองรู้สึกดีใจมาก ที่มีส่วนได้ชี้แจงสถานการณ์ของไทย แม้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ
ขณะที่ "มาดามอ้อย" นางสาว พิศมัย อังคะณา อายุ 50 ปี ไทย-ดัตช์ ก็กล่าวเสริมว่า เช้าวันนั้นตัวเองเห็นกำหนดการของทูตที่จะเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ และอยากไปชี้แจงสถานการณ์ แต่ไม่มีใครเป็นเพื่อน และตัวเองขับรถไม่เป็น จนกระทั่ง "มาดามปู" ขับรถมาหาที่บ้านเพื่อชวนกินข้าวจึงชวนกันไปหาท่านทูตที่ปั๊มน้ำมัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีแต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้บอกเล่าเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ในฐานะที่เป็นพลเมืองของเนเธอร์แลนด์ด้วย โดยวันรุ่งขึ้นตัวเองไปเดินตลาดและห้างสรรพสินค้า ก็มีคนจำได้เข้ามากอด บางคนร้องไห้ขอบคุณที่ช่วยชี้แจงสถานการณ์ให้ด้วย ยอมรับว่าตัวเองดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งและได้ช่วยประเทศในแบบของตัวเอง