พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 11 กำชับให้เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์เร่งจัดหาวัดที่ปลอดภัย เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเน้นให้วัดนอกพื้นที่เสี่ยงสนับสนุนเต็มกำลังทั้งด้านสถานที่ อาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภค
วันที่ 25 ก.ค. 2568 จากสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดนในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพหนีภัย พระพรหมสิทธิ เจ้าคณะภาค 11 ได้สั่งการโดยตรงถึงพระธรรมวชิรสุตาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ และพระครูปริยัติกิจธำรง ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ให้ดำเนินการตามแนวทางเร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
วัดในพื้นที่เสี่ยง ให้เจ้าคณะอำเภอเฝ้าระวัง ดูแลความปลอดภัยของพระสงฆ์ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เข้ามาพักพิงในวัด
วัดนอกพื้นที่เสี่ยง เตรียมพร้อมสถานที่ เช่น ศาลาการเปรียญ ห้องน้ำ และจุดประกอบอาหาร เพื่อรองรับผู้อพยพอย่างมีระบบความร่วมมือกับภาครัฐ
วัด สำนักสงฆ์ และสำนักปฏิบัติธรรมทุกแห่ง ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ หากได้รับการร้องขอจากภาครัฐการช่วยเหลือเบื้องต้น
...
ทั้งนี้ ประชาสัมพันธ์ให้วัดต่างๆ รวบรวมเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยเหลือศูนย์อพยพในพื้นที่การสื่อสารภายในคณะสงฆ์ และแจ้งข่าวสารสถานการณ์ปัจจุบันแก่พระสงฆ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความสับสนและไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในพื้นที่
ส่วนวัดสระเกศได้รวบรวมเครื่องอุปโภคบริโภค ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณด้านตะวันตกของบรมบรรพต ภูเขาทอง เพื่อจัดส่งไปให้คณะสงฆ์ในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 11
พระครูปริยัติกิจธำรง รายงานว่า ขณะนี้วัดในพื้นที่ปลอดภัยหลายแห่งในจังหวัดสุรินทร์ได้เปิดเป็นศูนย์อพยพแล้ว พร้อมรับผู้ที่ได้รับผลกระทบเข้าพักอาศัย และดูแลเบื้องต้นตามขีดความสามารถ โดยมีการประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
พระพรหมสิทธิ ยังเน้นย้ำว่า การเปิดวัดเป็นศูนย์พักพิงถือเป็นบทบาทสำคัญของคณะสงฆ์ในการร่วมรับมือภัยพิบัติ ทั้งในแง่มนุษยธรรมและการประคับประคองจิตใจประชาชนให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติไปได้อย่างมีศรัทธาและปลอดภัย