มหาวิทยาลัยนครพนมจับมือ บริษัท วัฒนาเฮลธ์ จำกัด ในเครือโรงพยาบาลวัฒนา และพันธมิตร เปิดศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์หวังขับเคลื่อนสุขภาพเชิงรุกจังหวัดในลุ่มแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท วัฒนาเฮลธ์ จำกัด ผู้เชื่อมต่อสุขภาพชุมชนสู่มาตรฐานโรงพยาบาลใน เครือโรงพยาบาลวัฒนา ร่วมกับมหาวิทยาลัยนครพนมและพันธมิตรเฮลธ์เทคอินโนแลบ ผู้เชี่ยวชาญด้านห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และการจัดการข้อมูลสุขภาพดิจิทัล ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อจัดตั้ง ศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยนครพนม โดยมี ดร.ณัฐธิรา ตั้งสืบกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัฒนาเฮลธ์ จำกัด พญ.พีรวรรณ จังศิริวัฒนธำรง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม นายโกสินทร์ ชัยชาญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนแลบ จำกัด ร่วมงาน โดยโครงการนี้ เกิดขึ้น เพื่อพัฒนาเครือข่ายสุขภาพเชิงรุกในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนบน ครอบคลุมการตรวจคัดกรองเบื้องต้น การจัดเก็บข้อมูลสุขภาพอย่างเป็นระบบ ไปจนถึงการเชื่อมโยงบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานโรงพยาบาลด้วยต้นทุนที่เข้าถึงได้ เหมาะกับชุมชน ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพเชิงรุกของประชาชน โดยเฉพาะในเขตสุขภาพที่ 8 ครอบคลุม จ.นครพนม อุดรธานี สกลนคร เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ 

ดร.ณัฐธิรา กล่าวว่า โรงพยาบาลวัฒนาเชื่อว่า ทุกชุมชนควรได้รับการดูแลสุขภาพด้วยมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนครพนมในการพัฒนาศูนย์แห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่ดี มีคุณภาพและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง เสมือนเป็นผู้เชื่อมต่อสุขภาพชุมชนสู่มาตรฐานโรงพยาบาล โดยตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา ให้บริการทางการแพทย์ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนในภูมิภาคด้วยความตั้งใจว่า คนในพื้นที่ห่างไกลก็ต้องได้เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับในเมืองใหญ่ ความร่วมมือในครั้งนี้ กับมหาวิทยาลัยนครพนม ไม่ใช่แค่การตั้งศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์ แต่เป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพในระดับท้องถิ่น โดยออกแบบให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย บริการชัดเจน ไม่ซับซ้อนและราคาเป็นมิตร อีกมิติที่ภูมิใจคือการได้ร่วมพัฒนาคนรุ่นใหม่ในสายสุขภาพ ผ่านการฝึกงาน การเรียนรู้จากของจริง หน้างานจริง เชื่อว่า หากปั้นคนให้มีทั้งทักษะและหัวใจของความเป็นนักวิชาชีพ จะเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อระบบสุขภาพทั้งภูมิภาคในระยะยาว

...

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาสุขภาพประชาชนภายใต้แนวคิดการดูแลสุขภาพที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ศูนย์ฯ แห่งนี้ จะเป็นศูนย์บริการตรวจสุขภาพเชิงรุกระดับภูมิภาคที่ให้บริการตรวจสุขภาพพื้นฐาน ตรวจเฉพาะทางและการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับประเทศและนานาชาติ พร้อมเชื่อมโยงนวัตกรรมข้อมูลสุขภาพแบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัยและติดตามผลอย่างแม่นยำ โดยศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์แห่งนี้จะไม่ใช่แค่ศูนย์สุขภาพเท่านั้น  แต่คือศูนย์แห่งการเรียนรู้ นวัตกรรมและโอกาสในการร่วมพัฒนาชุมชน มุ่งหวังให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่สร้างทั้งคุณภาพชีวิตและคุณภาพคนในพื้นที่ภาคอีสาน 

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยนครพนมมีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อชุมชนและการเป็นฐานผลิตกำลังคนด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์พื้นที่จริง โดยเฉพาะในเขตลุ่มน้ำโขงที่ยังต้องการระบบบริการที่เข้าถึงได้ ความร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างโรงพยาบาลวัฒนาในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยเติมเต็มทั้งในแง่ของประสบการณ์จริงให้กับนักศึกษาและบริการสุขภาพที่เป็นรูปธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่มีความพร้อมทั้งด้านสถานที่ ทรัพยากรและบุคลากรทางวิชาการ เพื่อทำให้ศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์แห่งนี้ไม่ใช่แค่จุดตรวจสุขภาพ แต่เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ วิจัย และพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้


สำหรับรายละเอียดความร่วมมือครั้งนี้ ครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี (1 เม.ย.2568 - 31 มี.ค.2578) มุ่งเน้นให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ตับ ไต ได้รับการตรวจคัดกรอง รักษาและติดตามอย่างเป็นระบบในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคพัฒนาไปสู่ภาวะเรื้อรัง ขอบเขตบริการของศูนย์ฯ ได้แก่: บริการตรวจสุขภาพพื้นฐาน (ความดัน ไขมัน น้ำตาล ตรวจตับ ไต และปัสสาวะ) ตรวจเฉพาะทาง (มะเร็ง ฮอร์โมน ภาวะโภชนาการ พันธุกรรม เวชศาสตร์ชะลอวัย) บริการเชิงอาชีวเวชศาสตร์ ตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน ตรวจโรคติดต่อ โรคระบาด เชื้อไวรัส-แบคทีเรีย ที่มีผลต่อสุขภาพชุมชน รองรับระบบประกันสุขภาพ30 บาทรักษาทุกที่ แบบไม่ต้องใช้ใบส่งตัว นอกจากให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป (60%) ศูนย์ฯ ยังรองรับหน่วยงานรัฐ-เอกชน (30%) และบุคลากรทางการศึกษา/ผู้สูงอายุ (10%) โดยตั้งเป้าให้ประชาชนกว่า 80% เข้าถึงบริการตรวจสุขภาพคุณภาพ พร้อมยกระดับสุขภาวะของผู้มีโรคเรื้อรังให้ดีขึ้นอย่างน้อย 50% และเพิ่มรายได้จากบริการสุขภาพเชิงรุกได้อีก 20% โดยพันธมิตรเฮลธ์เทคอินโนแลบผู้เชี่ยวชาญด้านห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และการจัดการข้อมูลสุขภาพดิจิทัลจะเข้ามาเสริมศักยภาพด้านการวิเคราะห์ทางห้องแล็บ และระบบข้อมูลสุขภาพดิจิทัล เพื่อให้บริการตรวจวินิจฉัยมีความแม่นยำ ปลอดภัยและทันสมัยตามมาตรฐานสากล

ด้าน นายโกสินธ์ ชัยชาญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนแลบ จำกัด  กล่าวว่า อินโนแลบในฐานะพันธมิตรด้านเทคโนโลยีสุขภาพมีความยินดีที่ได้ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การจัดการข้อมูลสุขภาพของประชาชนเป็นไปอย่างแม่นยำ ปลอดภัยและใช้งานได้จริงในทุกพื้นที่ เชื่อว่า หากประชาชนสามารถเข้าถึงผลตรวจสุขภาพของตนเองได้สะดวกขึ้นจะนำไปสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำ การดูแลสุขภาพที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะเสริมให้ศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์แห่งนี้ตอบโจทย์ในเชิงระบบได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น 

...

อย่างไรก็ตาม การร่วมมือดังกล่าว นับเป็นมิติด้านการศึกษาและการวิจัยใหม่ๆ   โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ จะเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฏิบัติด้านเทคนิคการแพทย์ให้กับนักศึกษา คณาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยนครพนม สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางห้องปฏิบัติการที่ตอบโจทย์จริงในพื้นที่ พร้อมเป็นต้นแบบของความร่วมมือภาคการศึกษาและเอกชนในการขับเคลื่อนนครพนมโมเดลสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพแห่งอนาคตในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและภูมิภาคอินโดจีนในระยะยาว