พบกะโหลกโบราณ 3 หัว โผล่ริมตลิ่งน้ำมูลเหนือเขื่อนมูลบนครบุรีโคราช คาดเป็นมนุษย์โบราณที่มีอายุอยู่ในช่วงราว 1,500 – 3,000 ปีก่อน หลังพบก่อนหน้านี้ไปแล้ว 1 จุด

วันที่ 22 พ.ค. 68 นายจำเนียร ดายครบุรี ผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ม.11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบบริเวณคอกกระบือของชาวบ้านที่อยู่ริมลำน้ำมูลที่ไหลลงสู่เขื่อนมูลบน ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน หลังจากที่ได้รับแจ้งจากนางพยุง พิมทอง เจ้าของคอกกระบือ ว่าพบเศษชิ้นส่วนคล้ายโครงกระดูกมนุษย์และเศษเครื่องปั้นดินเผาโบราณโผล่ขึ้นมาจากดินหลังจากที่เกิดมีน้ำไหลหลากกัดเซาะผืนดินบริเวณนั้น

จากการตรวจสอบด้วยสายตาเบื้องต้น พบมีเศษชิ้นส่วนที่คล้ายโครงกระดูกของมนุษย์ แต่แตกหักชำรุดเสียหายหลากหลายขนาด กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ ซึ่งเป็นดินลูกรังสีขาวอยู่ติดกับลำน้ำมูลที่ไหลลงสู่เขื่อนลำแชะ ในลักษณะเป็นตลิ่งสูงกว่า 5 เมตร มีร่องรอยน้ำหลากกัดเซาะตลิ่งและมีเศษชิ้นส่วนโครงกระดูกโผล่พ้นดินอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 1 เมตรเศษ ซึ่งพอจะระบุรูปร่างลักษณะคล้ายกะโหลกศีรษะมนุษย์ 3 จุด โดยมีอยู่ 2 จุดที่อยู่ติดกัน แต่อีกจุดอยู่ห่างไปประมาณ 1.5 เมตร แต่ทั้ง 3 หัวมีร่องรอยถูกน้ำกัดเซาะแตกออกแต่ยังเหลือเค้าโครงของกะโหลกศีรษะ พร้อมกับมีเศษชิ้นส่วนอื่นๆ ที่แตกหักกระจายทั่วบริเวณ ซึ่งลักษณะหัวกะโหลกศีรษะทั้งหมดหันไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ยังพบเศษชิ้นส่วนคล้ายกับเครื่องปั้นดินเผาโบราณซึ่งมีทั้งสีแดงและสีดำกระจายอยู่ทั่วบริเวณในรัศมี 10 เมตรด้วยเช่นเดียวกัน

...

จากการสอบถามนางพยุง พิมทอง วัย 50 ปี เจ้าของคอกกระบือดังกล่าวบอกว่า เมื่อหลายวันก่อนเกิดมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีน้ำไหลหลากจากพื้นที่ด้านบนผ่านมาบริเวณคอกกระบือที่มีอยู่รวม 9 ไร่ และไหลกัดเซาะหน้าดินบริเวณนี้กว้างขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (21 พ.ค. 68) ขณะที่ตัวเองเดินสำรวจคอกวัวก็มาพบเข้ากับเศษโครงกระดูก จึงรีบแจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว ทั้งนี้เดิมทีจุดนี้เป็นจุดที่มีหญ้าขึ้นค่อนข้างรก แต่หลายปีผ่านมาตัวเองนำกระบือมาเลี้ยงเอาไว้หลายสิบตัว จนหญ้าถูกกระบือกัดกินจนเตียน ประกอบกับฝนตกหนักจึงทำให้บริเวณนี้มองเห็นได้สะดวก และเมื่อช่วงฝนตกแรกๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีเรือของชาวบ้านผูกเอาไว้ริมตลิ่งด้านบนถูกน้ำซัดมาจมอยู่บริเวณนี้และสามารถเก็บกู้มาได้ 4 ลำ จึงทำให้บริเวณนี้มีคนเดินผ่านเพิ่มขึ้นกระทั่งมาพบโครงกระดูกดังกล่าวในที่สุด

ล่าสุดทางผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ได้เก็บภาพและรวบรวมข้อมูลต่างๆ รายงานไปยังทางอำเภอครบุรี เพื่อให้ช่วยประสานทางเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรให้เข้ามาช่วยตรวจสอบเพื่อดูว่าโครงกระดูกชุดนี้จะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา ก็มีการพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณพร้อมเครื่องปั้นดินเผาที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นที่หลังจากที่ถูกน้ำหลากกัดเซาะที่ท้ายบ้านไร่แหลมทองพัฒนา หมู่ที่ 12 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี เช่นเดียวกัน (อ่านข่าว : สำนักศิลปากร ตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่พบใน ต.ลำเพียก จ.นครราชสีมา)

และเมื่อทางเจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ลงพื้นที่มาตรวจสอบก็สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นโครงกระดูกมนุษย์ที่มีอายุอยู่ในช่วงราว 1,500 – 3,000 ปีก่อน และเก็บกู้กลับไปตรวจสอบแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ากระดูกที่พบบริเวณนี้อาจจะเป็นโครงกระดูกที่อยู่ในช่วงยุคสมัยเดียวกัน เพราะพบร่องรอยการฝังโครงกระดูกมนุษย์ในลักษณะนอนหงายเหยียดยาวพร้อมกับของอุทิศประเภทภาชนะดินเผา หันศีรษะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสัมพันธ์กับร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในช่วงอายุประมาณ 1,500 - 3,000 ปี ซึ่งเป็นช่วงก่อนการรับพุทธศาสนาในดินแดนประเทศไทย.

...