นักข่าวเล่านาทีเกิดเหตุ ถูกรถ "ผอ.โรงพยาบาล" พุ่งชน ยอมรับกังวลใจเรื่องคดีความ กลัวจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ-เรื่องเงียบหาย พร้อมยืนยันจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
จากกรณี เมื่อเวลา 22.16 น. ของวันที่ 30 เมษายน 2568 ร.ต.อ.ขันติ เพียรสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจากทางศูนย์วิทยุ 191 สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ว่ามีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนบุคคลในร้านอาหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ และหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรม ชัยภูมิ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ทราบชื่อ 1. นายเอส เอี่ยมพา อายุ 33 ปี 2. นายทศวรรษ อินพุก อายุ 35 ปี บาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลก่อนให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลชัยภูมิ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุยังพบรถนั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฟอร์จูเนอร์ สีขาว หมวดจังหวัดชัยภูมิ เขียนข้างรถ กระทรวงสาธารณสุข ต่อมาทราบว่าเป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชัยภูมิ จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่าบุคคลดังกล่าวขับรถมาจากร้านเหล้าแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ พอมาถึงจุดเกิดเหตุขับรถขึ้นฟุตบาท จนกระทั่งชนช่างภาพเจ็บทั้ง 2 ราย และข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อน
ทางด้าน ร.ต.อ.ขันติ เพียรสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ เข้ามาตรวจในที่เกิดเหตุ บันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ก่อนเดินทางไปดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล และเชิญตัวคนขับรถคนดังกล่าวมาทำการสอบสวนและทำการเป่าแอลกอฮอล์ แต่ทางเจ้าตัวยังไม่ทันเป่าก็เดินหาน้ำ ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ และดื่มนมเปรี้ยวจากเพื่อนตลอดเวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้เป่าจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป
...
ต่อมา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 1 พ.ค. 68 ทีมข่าวลงไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบประตูหน้าร้านอาหารแห่งนั้นยังไม่เปิด และยังไม่เปิดร้านขายอาหาร และไม่พบเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ส่วนรถยนต์เกิดเหตุ ตำรวจได้นำมาจอดรถไว้ที่ด้านหน้า สภ.เมืองชัยภูมิ ด้านหน้ารถบริเวณกันชนหน้าข้างซ้ายแตกได้รับความเสียหาย ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหากับ ผอ.โรงพยาบาล ผู้ขับรถคันเกิดเหตุ ซึ่งผลการตรวจวัดค่าปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจของตำรวจจราจร สภ.เมืองชัยภูมิ วัดค่าได้ 119 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สูงกว่ากฎหมายกำหนด
ซึ่งจะได้ส่งเลือด ผอ.โรงพยาบาลหนองบัวแดง ไปตรวจพิสูจน์ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวกับ ผอ.โรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง และไม่ได้ควบคุมตัวไว้ เนื่องจากเป็นข้าราชการระดับสูง ไม่มีทีท่าจะหลบหนี เมื่อเกิดเหตุได้ลงจากรถมาให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี นำส่งโรงพยาบาลในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนด้านผู้บังคับบัญชา นายแพทย์ยุทนา สุริยะ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ชัยภูมิ ทีมข่าวพยายามติดต่อไปทางโทรศัพท์ขอทราบการดำเนินด้านวินัยกับ ผอ.โรงพยาบาลกว่า 30 นาที ไม่รับโทรศัพท์ ทำให้ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่ ได้สอบถามกับ ผอ.โรงพยาบาลดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นคนขับรถเอง และได้ยอมรับว่าเมาด้วย หลังจากกลับจากร่วมงานแห่พานบายศรีถวายเจ้าพ่อพญาแลแล้ว กำลังขับรถกลับบ้านที่อยู่ภายในซอยไม่ไกลนัก ซึ่งพร้อมจะให้การช่วยเหลือผู้ได้บาดเจ็บทุกอย่าง
ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยภูมิ บอกว่าในการดำเนินคดี ในเบื้องต้นผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจ เกินกฎหมายกำหนด วัดได้ 119 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องรอผลยืนยันจากการเจาะเลือดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ในการสอบสวนแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ ขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ต้องรอใบคำวินิจฉัยทางแพทย์เพื่อนำมาประเมิน ในการแจ้งข้อกล่าวหา มาประกอบสำนวนว่าสาหัสหรือไม่สาหัส ซึ่งอาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหลังที่ได้รับใบตรวจรักษา คำวินิจฉัยจากทางแพทย์โรงพยาบาลก่อน
ต่อมา พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยภูมิ ยังได้เข้าเยี่ยมผู้รับบาดเจ็บนายเอส เอี่ยมพา อายุ 33 ปี ผู้ช่วยช่างภาพอัมรินทร์ ที่ห้องรักษาผู้บาดเจ็บ รพ.ชัยภูมิ ซึ่งนายเอส ยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ และรู้สึกปวดตรงซี่โครงและแขน และมีเพื่อนผู้สื่อข่าวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯด้วยกันเข้าเยี่ยม พร้อม นพ.ณรงศักดิ์ บำรุงถิ่น ผอ.โรงพยาบาลชัยภูมิ เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข เข้าเยี่ยมดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บและมอบกระเช้าดอกไม้ให้ด้วย
โดยนายเอส เล่าว่า ตอนนั้นยืนอยู่หน้าร้าน จากนั้นก็ภาพตัดไปเลย รู้อีกทีตัวเองล้มลงไปนอนอยู่บนถนน ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ตนไม่ทันตั้งตัว ก็เลยมองไม่เห็นแสงไฟของรถพุ่งเข้ามาหาตน มารู้สึกตัวอีกที่โรงพยาบาลแล้ว ยอมรับมีความกังวลใจเรื่องของคดีความ กลัวจะไม่ได้รับความช่วยเหลือและเรื่องราวจะเงียบหายไป เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็รับทราบพฤติกรรมของอีกฝ่ายว่า พยายามดื่มนมเปรี้ยวและน้ำเปล่า เพื่อต้องการให้กลิ่นแอลกอฮอล์มันหายไป ก่อนที่จะมีการเป่าแอลกอฮอล์ ยืนยันว่าเรื่องคดีความจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ส่วน นายทศวรรษ อินพุก อายุ 35 ปี ผู้ช่วยช่างภาพไทยรัฐ ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้ง 2 ข้าง หลังทำแผล ตรวจเช็คลำตัวหมดแล้ว แพทย์อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่พักได้ ตอนสายที่ผ่านมา ได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ได้เปิดใจอยากให้ ผอ.โรงพยาบาล ออกมารับผิดชอบมากกว่านี้ ซึ่งเมื่อคืนตอนแรกไม่ยอมเป่าวัดค่าแอลกอฮอล์ ได้หานมเปรี้ยว นั่งพักเป็นเวลานานจึงยอมเป่าวัดค่าแอลกอฮอล์
...