หนุ่มเพิ่งพ้นโทษ แจ้งเบาะแสตำรวจ จับชายค้ายาเสพติด หลังพบเมียตัวเองหนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ยอมกลับบ้าน พร้อมวอนตำรวจ "อย่าจับเมีย" บอกร้องไห้ทุกคืน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ตู้ยามบริการประชาชน สภ.เมืองไหม ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายขอนแก่น-เชียงยืน พื้นที่บ้านบึงเนียม ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ร.ต.ท.ประดิษฐ์ โชติกเวชกุล รอง สวป.สภ.เมืองไหม ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร ได้พาผู้สื่อข่าวดูที่ประตูของตู้ยามดังกล่าว ซึ่งมีแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสีเหลือง สภาพเก่าๆ ขาดๆ ขนาดกว้างประมาณ 15 ซม. ยาวประมาณ 50 ซม.
มีข้อความที่เขียนด้วยลายมือโดยใช้หมึกสีน้ำเงินเขียน ระบุว่า "หัวหน้าครับ ช่วยอะไรผมหน่อยครับ คือผมถูกจับติดคุกสามเดือน ศาลตัดปล่อย เมียหาย ผมตามแล้วก็ได้รู้ว่าไปอยู่กับคนขายยา ผมอยากได้เมียผมกลับบ้าน เขาก็ไม่กลับ เพราะไอ้นั่นมันเอายาให้เมียผมทุกวัน แต่หัวหน้าอย่าจับเมียผมนะครับผมขอ (ถ้าไม่มียาตรวจฉี่ยังไงก็เจอ)" และได้เขียนเป็นรูปอิโมจิคนร้องไห้ พร้อมระบุข้อความเอาไว้อีกว่า "ผมร้องไห้ทุกคืนคิดถึงเมียผม" ย้ำกับทางตำรวจว่า อย่าจับเมียผมเด้อ และไม่ต้องพูดเรื่องผมที่มาบอก และยังได้เขียนที่อยู่พิกัดของคนขายยาที่เมียไปอยู่ด้วยให้กับทางตำรวจได้ทราบ
เมื่อรอง สวป. เห็นเช่นนั้น จึงรีบรายงานให้ พ.ต.อ.วงศกร วันชัย ผกก.สภ.เมืองไหม และนำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดกลับไปที่สภ.เมืองไหมทันที
...
โดย ร.ต.ท.ประดิษฐ์ โชติกเวชกุล รอง สวป.สภ.เมืองไหม กล่าวว่า หลังเห็นแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสอดอยู่ที่ประตู ก็เอามาอ่าน ซึ่งพบข้อความที่จึ้งใจอย่างมากตั้งแต่คำแรกที่เรียกว่าหัวหน้า พออ่านแล้วรู้สึกสุภาพ พอได้อ่านต่อไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นอกเห็นใจ คือ พ้นโทษออกจากคุกมา กลับบ้านมาหาเมีย แต่เมียไปอยู่กับชายอื่น แล้วยังมีข้อความที่จึ้งใจอีกข้อความคือ อย่าจับเมียผมนะ ทำให้เห็นถึงความรักที่ฝ่ายชายมีต่อฝ่ายหญิง จึงปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องช่วยเหลือให้ผัวเมียได้กลับมาอยู่ด้วยกัน และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่มาอำหรือกลั่นแกล้ง เพราะหากเป็นการอำหรือกลั่นแกล้ง ตำรวจก็คงใช้คำที่ไม่สุภาพ อีกทั้งเรื่องของยาเสพติดเป็นนโยบายหลักของทางตำรวจอยู่แล้ว จึงรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.วงศกร วันชัย ผกก.สภ.เมืองไหม ทราบเรื่อง และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองไหม ทำการตรวจสอบตามจุดที่ผู้แจ้งให้รายละเอียดมา ที่กระท่อมติดคลองส่งน้ำชลประทาน ทางทิศใต้ บ้านสงเปือย ม.11 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบนาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ชาว ต.โพนงาม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ที่กระท่อมดังกล่าว และพรรคพวกคนอื่นๆ ที่ร่วมกันมั่วสุมอยู่ในกระท่อมต่างวิ่งกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งสามารถควบคุมตัวนายเอได้เพียงคนเดียว
และจากการตรวจค้นในกระท่อมพบยาบ้าจำนวน 38 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนและแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) มีไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ผกก.สภ.เมืองไหม เผยว่า กรณีดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีปฏิภาณไหวพริบในการช่วยเหลือประชาชน เพราะหลังจากเห็นแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดสอดอยู่ที่ประตู ยังให้ความใส่ใจนำมาอ่าน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ร้องขอมา ซึ่งพอจับใจความได้ว่า ฝ่ายชายถูกจับติดคุก ภรรยาอยู่ที่บ้านไปอยู่กับชายชู้ เมื่อสามีพ้นโทษออกมา กลับมาที่บ้านก็ไม่เห็นเมีย ตามหาเมีย จนรู้ว่าเมียไปอยู่กับชายชู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงเขียนคำร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ตู้ยามบริการประชาชนของ สภ.เมืองไหม โดยปิดบังตัวตนและปิดยังชื่อสกุลภรรยาด้วย
ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตำรวจ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนหาตัวชายชู้ตามที่ระบุมา เพื่อจะตามหาภรรยาคืนมาให้ผู้ร้องที่เป็นสามีด้วย แต่ขณะเข้าจับกุมชายชู้พร้อมยาบ้า 38 เม็ด กลับไม่พบฝ่ายหญิง ซึ่งจากการสอบถามกับผู้ต้องหา ทราบว่าฝ่ายหญิงมาอยู่ด้วยจริง แต่ไปๆ มาๆ ไม่ได้อยู่กันตลอด และไม่ทราบว่าฝ่ายหญิงมีสามีแล้ว จึงคบหากัน แต่ช่วงนี้ไม่ทราบว่าฝ่ายหญิงหายหน้าไปไหน
...
ผกก.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตำรวจยังไม่ทราบว่าผู้ร้องเป็นใคร อยู่ที่ไหน ส่วนฝ่ายหญิงก็ยังไม่พบตัว ซึ่งก็ยังต้องตามหาตัวให้พบ และเมื่อพบตัวแล้วก็จะทำการตรวจว่าร่างกายมีสารเสพติดหรือไม่ หากมีสารเสพติดก็จะส่งเข้าบำบัดรักษาตามขั้นตอน และเมื่อพบตัวฝ่ายหญิง ก็จะทราบว่าฝ่ายชายหรือสามีที่ร้องขอความช่วยเหลือมานั้นชื่ออะไร เป็นใครอยู่ที่ไหน