โผล่อีกราย! ญาติคนไข้โวยด่ากราด จนท. กลางห้องฉุกเฉิน ฉุนไม่รักษาแม่ เปรียบโรงพยาบาลเป็นโรงฆ่าสัตว์ ล่าสุด ผอ. ให้แจ้งความเอาผิดแล้ว บอกอยากให้ทุกโรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดภัย เพราะหมอและเจ้าหน้าที่ก็เหนื่อยมากในการให้บริการ

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ ขณะที่ญาติผู้ป่วยในโรงพยาบาลมัญจาคีรี อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โวยวายกลางห้องฉุกเฉิน ไม่พอใจแพทย์และพยาบาลไม่ให้การรักษาแม่ ที่นอนร้องครวญครางอยู่ภายในห้อง เปรียบโรงพยาบาลเป็นโรงฆ่าสัตว์ ก่อนที่หมอและพยาบาลจะเชิญออกจากห้องฉุกเฉิน พร้อมแจ้งความเอาผิด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 14 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา 

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นพื้นที่ไปที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี พบกับนายแพทย์พรพล เหล่าวิทยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมัญจาคีรี  เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลมัญจาคีรี ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงสามทุ่มของวันที่ 14 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา  เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีผู้ป่วยเข้ามารับการบริการเป็นจำนวนมาก และวันดังกล่าวญาติของผู้ป่วยในคลิปที่โวยวาย ได้อุ้มแม่เข้ามาขอรับการรักษา ซึ่งตอนนั้นผู้ป่วยซึ่งเป็นแม่จะร้องไห้อยู่ตลอด บ่นหายใจไม่อิ่ม

...

ผอ.รพ.มัญจาคีรี กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการวัดสัญญาณชีพทันทีและตรวจคัดกรอง ซึ่งสัญญาณชีพณขณะนั้นปกติ ซึ่งทางการรักษาจะแบ่งผู้ป่วยเป็นสี โดยผู้ป่วยรายนี้อยู่ในกลุ่มสีเขียว ซึ่งไม่ได้เร่งด่วนมาก หลังจากพยาบาลคัดกรองเสร็จก็ได้แจ้งทางแพทย์ ซึ่งขณะนั้นในห้องฉุกเฉินก็มีคนไข้เป็นจำนวนมาก ทั้งคนไข้ต้องส่งต่อถึงห้าเที่ยว ทำให้อัตรากำลังต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะไม่เพียงพอ แม้จะมีการจัดอัตราเสริมเข้ามาแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งทางญาติด้วยว่าได้ทำการตรวจเบื้องต้นแล้ว แต่ทางลูกชายอาจจะไม่เข้าใจว่ามีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นไปแล้ว จึงได้โวยวายไปตามคลิปวงจรปิด และไม่แน่ใจว่ามีอาการของลูกชายนั้น มีการดื่มสุราร่วมด้วยหรือไม่

ทางพยาบาลและเจ้าหน้าที่พยายามบอกให้ใจเย็น ไม่อยากให้ความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน เพราะมีญาติผู้ป่วยและผู้ป่วยอีกหลายคนที่อยู่ภายในห้อง จึงใช้ความอดทนพอสมควร ทั้งยังยกมือไหว้ขอให้สงบ และขอให้ออกไปจากห้องฉุกเฉิน แต่ลูกชายของผู้ป่วยก็ยังโวยวายไม่หยุด และมีคำพูดต่างๆ นานาออกมา

โรงพยาบาลจึงได้มีการประชุมพูดคุยกันแล้ว จึงมีข้อสรุปต้องการให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่มีความรุนแรง เห็นอกเห็นใจร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าหมอและพยาบาลไม่ได้นั่งเฉย เดินช่วยเหลือคนไข้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก และมีผู้ป่วยที่เร่งด่วนรายนี้จึงต้องมีการเรียงลำดับ ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจทำให้ผู้รับบริการไม่เข้าใจ ที่มีความคาดหวังว่าต้องได้รับการให้บริการที่รวดเร็ว

ผอ.รพ.มัญจาคีรี กล่าวต่ออีกว่า เรื่องของการแจ้งความนั้น ทางโรงพยาบาลได้มีมติร่วมกันว่า เจ้าหน้าที่ทั้งเหนื่อยกายแล้ว จะต้องมาเหนื่อยใจอีก ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความท้อ และอาจนำไปสู่การลาออก ก็อยากจะให้เห็นใจกันทั้งผู้ให้บริการ ญาติผู้ป่วย และผู้มารับบริการ เพราะเราก็ทำเต็มที่อยากให้เข้าใจกันทุกฝ่ายได้เป็นสังคมที่น่าอยู่ และการแจ้งความในครั้งนี้ ก็อยากให้รู้ว่าโรงพยาบาลควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยปราศจากความรุนแรงถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ไม่เข้าใจกันก็ควรพูดคุยกันได้ เราไม่ได้ต้องการให้เอาผิดอะไรกันใหญ่โต เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ จึงอยากให้ญาติเข้าใจและอยากให้ทุกโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เพราะหมอและเจ้าหน้าที่ก็เหนื่อยมากในการให้บริการ หากสังคมเห็นอกเห็นใจและเข้าใจก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อกัน

ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ยังบ้านของคนป่วยรายดังกล่าว พบกับ นายสมยงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 71 ปี สามีของนางจำรูญ  (สงวนนามสกุล)  อายุ 70 ปี ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในคลิป และเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ คือ นายอนุชา  (สงวนนามสกุล)  อายุ 45 ปี แต่ไม่พบลูกชายที่ก่อเหตุ เนื่องจากเดินทางกลับไปทำงานที่ กทม. แล้ว ส่วนคนป่วยยังรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี

นายสมยงค์ พ่อของผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า วันเกิดเหตุช่วง 10 โมง ลูกชายยังดีใจอยู่เลยว่าแม่หายได้กลับบ้านแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมัญจาคีรีเป็นเวลาสามวันแล้ว เนื่องจากภรรยาเป็นโรคหืดหอบ ต่อมาช่วง 20.00 น. ลูกชายนั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่บ้าน ส่วนตนนอนอยู่ในห้องนอนกับภรรยา ภรรยาก็ลุกขึ้นมาบอกว่าเหนื่อยมาก อ่อนแรงเลย สายตาก็มองเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวหมดเลย จึงปลอบภรรยาว่าไม่เป็นอะไร และบอกให้ภรรยานอนต่อ แต่ภรรยาก็บอกไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว จึงบอกลูกชายพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

ตนก็เห็นเหตุการณ์ จึงบอกให้ลูกหยุด ให้เชื่อพ่อ จากนั้นลูกชายก็กลับบ้านไปทันที ซึ่งตนก็ได้เข้ามาขอโทษคุณหมอและเจ้าหน้าที่ ขอโทษแทนลูกชาย แล้วก็กลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้คุยกับลูกลูกชาย รุ่งเช้าลูกชายก็ไปกรุงเทพฯ ส่วนอาการโรคหรือหืดหอบของภรรยานั้น หมอทำได้เพียงรักษาตามอาการ ส่วนตัวก็มองว่าหมอทำดีแล้ว ส่วนการกระทำของลูกชายนั้น ไม่ได้มองว่าเกินกว่าเหตุ แต่ทำเพราะความรักแม่ หากโรงพยาบาลจะเอาเรื่องลูกชาย ก็ต้องปล่อยไปตามกฎหมาย

...

จากนั้นผู้สื่อข่าว ได้สอบถามทางคดีกับ พ.ต.อ.ธีร์ธัชช์ พงษ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.มัญจาคีรี ทราบว่า กรณีที่ทางรพ.มัญจาคีรีแจ้งความนั้น เบื้องต้นจะเรียกสอบปากคำพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน 3 ปาก เพื่อให้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ในส่วนของการแจ้งข้อหานั้น ต้องรอผลการสอบปากคำ

ขณะที่ทาง ผอ.รพ.มัญจาคีรี ต้องการให้ดำเนินคดีตามกฏหมาย ในทางกฏหมายในความผิดเรื่องสร้างความเดือดร้อนลำคาน ในส่วนของข้อหาหมิ่นประมาทนั้น ไม่อยากให้เอาผิดกับญาติผู้ป่วย ทั้งนี้จะต้องรอสอบปากคำและจะมีการพูดคุยกับทาง ผอ.รพ.มัญจาคีรีอีกครั้ง ว่าต้องการดำเนินคดีอย่างไรบ้าง เพราะความผิดในส่วนของการสร้างความเดือดร้อนลำคานเป็นโทษปรับ และส่วนของข้อหาหมิ่นประมาทนั้นก็สามารถยอมความได้ และหากมีข้อหาอื่นๆ อีกก็จะต้องพูดคุยกับทางผอ.อีกครั้งก่อน  เพราะทางตำรวจจะดำเนินคดีตามความประสงค์ของผู้แจ้งความ

ข้อมูลคลิปจาก เฟซบุ๊ก ภาส นครขาม