พ่อแม่หนุ่มอุดรฯ เหยื่อตึก สตง. ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ร่ำไห้รอรับศพกลับบ้าน เผยลูกมาเข้าฝันอยากดื่มน้ำ ก่อนได้รับข่าวร้าย บอกจริงๆ วิ่งออกมาแล้ว แต่หันกลับไปช่วยเพื่อน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 มีนาคม 2568 ที่บ้านเลขที่ 196 ม.7 บ.นาเหล่า ต.หนองกุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี นายปริญญา ศรีประเสริฐ แรงงาน จ.อุดรธานี นางภัททิรา ครุฑกุล ประกันสังคม จ.อุดรธานี นางพิสมัย บุตรสามบ่อ สนง.ประกันสังคม สาขากุมภวาปี นายยุทธศักดิ์ ศรีวรกุล สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.อุดรธานี และตัวแทนจัดหางาน จ.อุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ และแจ้งสิทธิประโยชน์ต่อ นายอำนาจ ต้นกันยา อายุ 58 ปี นางไกสร ต้นกันยา อายุ 57 ปี นายอลงกรณ์ ต้นกันยา หรือเต้ย อายุ 29 ปี พ่อแม่และน้องชายของ นายกิตติพร ต้นกันยา หรือ ตั๋ง อายุ 32 ปี แรงงานชาว จ.อุดรธานี เหยื่อตึกอาคาร สนง. ตรวจเงินแผ่นดิน 30 ชั้นถล่ม ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในประเทศเมียนมา หลังเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ส่วนกลางติดต่อมาทาง น.ส.น้ำผึ้ง ต้นกันยา อายุ 26 ปี น้องสาวของนายกิตติพร ให้เดินทางมาตรวจสอบศพของพี่ชายที่แผนกนิติเวช รพ.ตำรวจ
โดย น.ส.น้ำผึ้ง ยืนยันว่าเป็นศพของนายกิตติพร พี่ชายของตัวเอง แต่ต้องรอผลพิสูจน์อัตลักษณ์ตามขั้นตอนของกฎหมาย ก่อนจะมอบศพให้นำญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่ภูมิลำเนา คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาพูดคุยสอบถามข้อมูลผู้เสียชีวิตอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้อง
นายอำนาจ ต้นกันยา อายุ 58 ปี พ่อนายกิตติพร เล่าทั้งน้ำตาว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูกคนโต จากลูกทั้งหมด 3 คน เดินทางไปทำงานที่ตึกดังกล่าวประมาณ 3 ปี กับผู้รับเหมาก่อสร้าง ทำงานในตำแหน่งช่างประปา วันเกิดเหตุผู้รับเหมาโทรไปบอกน้องสาวเขาว่าให้ทำใจนะเพราะว่าตึกถล่ม ยังหาลูกชายไม่เจอ เขาทำงานอยู่ชั้น 5 แต่วิ่งหนีลงมาแล้ว กลับขึ้นไปช่วยเพื่อน ก่อนจะไม่กลับลงมาอีก ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้นำศพกลับมาที่บ้านเกิดได้วันไหน
...
"ที่ผ่านมาลูกส่งเงินมาให้แม่ประจำ หลังทราบข่าวก็ลุ้นให้ลูกรอดชีวิต แต่ช่วงคืนวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะตนหลับลูกชายได้มาเข้าฝันว่าหิวน้ำ ตอนนั้นยังไม่ได้เจอศพ ถ้าฝันว่าหิวน้ำแบบนี้ คงไม่ใช่คนมีชีวิตมาบอกแล้ว เลยคิดว่าเขาคงจากไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีคนบอกว่าให้ทำใจเลย เพราะลูกสาวได้โทรมาแจ้งข่าวร้าย เขาเคยตายแล้วฟื้นมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่เขาเป็นเด็ก เขาจมน้ำในสระทุ่งนาของตน น้องชายเขามาเรียกตนว่าพี่ชายลงไปในน้ำไม่ยอมขึ้นมา ตนจึงรีบลงงมหานำร่างขึ้นมาช่วยเหลือชีวิตจนรอดตาย อยากจะบอกลูกว่า พ่อรักพ่อหวงลูกคนนี้ เพราะเป็นลูกชายคนแรก ถ้าชาติหน้ามีจริง ให้กลับมาเกิดเป็นลูกพ่อเหมือนเดิม เพราะตอนนี้ลูกคงไปดีแล้ว ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว"
ด้าน นางไกสร แม่นายกิตติพร เล่าด้วยเสียงสะอื้นว่า ลูกไปรับเหมาก่อสร้างกับนายจ้างที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ประมาณ 3-4 ปีแล้ว เขาก็ทำงานกับนายจ้างคนนี้ตลอด เป็นช่างเชื่อมท่อประปาต่างๆ แล้วเพิ่งเข้าไปทำงานที่ไซต์งานแห่งนี้ได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะว่านายจ้างเพิ่งรับเหมาช่วงต่อได้ ซึ่งเขาก็จะส่งเงินกลับมาให้แม่ทุกเดือน พอรู้ข่าวว่าตึกถล่ม แทบล้มทั้งยืน ตั้งหลักไม่ถูก
ตอนลูกสาวบอกว่าศพที่ออกมาตอนแรกไม่ใช่ศพพี่ชาย ยังมีความหวัง รอจน 2-3 วัน จนเข้าสู่วันที่ 4 ก็มารู้ว่าเขาเสียชีวิตเพราะวิ่งกลับไปช่วยเพื่อน อยากบอกว่าไม่ต้องห่วงแม่ ขอให้ลูกไปสบาย แม่อยู่ได้ หากเกิดชาติหน้าก็ให้มาเป็นลูกแม่อีก ที่ผ่านมาไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย แต่ตอนที่เขากลับมางานศพยายที่บ้าน เดือนพฤศจิกายน 2567 ก็คุยกันว่าให้ตั้งใจทำงาน หลังจากเขากลับไปก็คุยกันทุกวัน ก่อนตึกถล่ม 1 วัน ก็ยังคุยกันอยู่ว่า หากเขาไม่ได้กลับบ้านช่วงสงกรานต์ เขาจะส่งเงินมาให้
นายปริญญา ศรีประเสริฐ แรงงาน จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้กระทรวงแรงงานจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้มาเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของให้ครอบครัวของนายกิตติพร ต้นกันยา แรงงานไทยที่ประสบอุบัติเหตุตึกถล่ม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่ประเทศเมียนมา พร้อมกับชี้แจงสิทธิประโยชน์ในเบื้องต้นของผู้เสียชีวิต สิทธิประโยชน์อันแรกก็จะมีค่าจัดงานศพ กรณีที่เสียชีวิตเนื่องจากการทำงาน ทายาทก็จะได้รับรายละ 50,000 บาท แล้วก็จะมีเงินชดเชย ร้อยละ 70 ของค่าจ้างต่อเดือน เป็นระยะเวลา 10 ปี เงินบำเหน็จในวัยชราภาพ ตามสัดส่วนที่คนงานได้จ่ายค่าเงินสมทบ ส่วนจะจ่ายเท่าไร ทางประกันสังคมจะแจ้งให้กับทายาท หรือผู้มีสิทธิ์ที่รับผลประโยชน์ได้รับทราบอีกครั้งหนึ่ง