กองทัพภาคที่ 2 แจงเหตุบึมสนั่นในบ้าน ที่วังน้ำเขียว ขณะนำของเก่ามาขาย พบเป็นกระสุนเครื่องยิงระเบิด M203 เจ้าหน้าที่ทำการเก็บกู้ชิ้นส่วน เตรียมนำไปทำลาย

วันที่ 18 มี.ค. 68 จากกรณีเหตุระเบิดที่บ้าน ซึ่งเป็นสถานที่รับซื้อของเก่า ในหมู่บ้านโนนศรีทอง ม.14 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย และเสียชีวิต 1 ราย พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และนายธรรมทรรศ ทองสำโรง ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบระเบิด EOD จากกองทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุด EOD ทราบว่าเป็นกระสุนระเบิด ขนาด 40 มม. (M79) ที่ยิงจากเครื่องยิงกระสุนแล้วตกลงมาไม่ทำงาน ก่อนที่จะกระทบกับตาชั่ง ซึ่งกระตุ้นให้เครื่องทำงานต่อและระเบิดขึ้น โดยภายหลังจากที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ยังพบชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดอีกกว่า 10 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้แล้ว จึงนำเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะได้นำไปทำลายต่อไป

...

พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ที่เกิดเหตุเป็นบ้านของชาวบ้านทีมงานที่เก็บของป่าขาย และได้เก็บของเก่าขาย สาเหตุของเหตุสลดในครั้งนี้ สันนิษฐานว่าเกิดจากเจ้าของบ้านไปเก็บเศษเหล็กซึ่งเป็นวัตถุระเบิด นำมาขายให้ผู้รับซื้อของเก่าที่เข้ามารับซื้อเป็นประจำภายในหมู่บ้าน ขณะรื้อขนเศษเหล็กเพื่อมาชั่งขายจึงเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 รายและเสียชีวิต 1 ราย เป็นภรรยาของผู้รับซื้อของเก่า

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด พบว่าภายในบ้านมีเศษซากของวัตถุระเบิด และกระสุนที่เสื่อมสภาพใช้การไม่ได้แล้ว รวมทั้งปลอกกระสุนปืนที่มีลักษณะคล้ายวัตถุระเบิด เป็นเปลือกกระสุนที่หมดสภาพไม่สามารถที่จะระเบิดได้ เชื่อว่าเป็นวัตถุที่เจ้าของบ้านรายนี้เก็บมาสะสมเพื่อนำมาขาย จึงอยากจะขอแจ้งเตือนไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ ห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวหรือจับต้องกับวัตถุที่ไม่คุ้นเคยหรือวัตถุที่เป็นอันตราย เช่น โลหะ วัตถุหัวกระสุนที่ตกอยู่ตามพื้นดินป่าเขา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า กองทัพภาคที่ 2 โดยมณฑลทหารบกที่ 21 และกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าเป็นกระสุนขนาด 40 มิลลิเมตร ของอาวุธเครื่องยิงลูกระเบิด M203 ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตามจำนวนข้างต้น นอกจากนี้ยังตรวจพบกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 120 มิลลิเมตร ชนิดส่องแสง ซึ่งได้ทำงานไปแล้ว ไม่มีวัตถุระเบิดภายใน

ทั้งนี้หน่วยได้ส่งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบระเบิดดังกล่าว และที่อาจจะเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุการนำกระสุนมาจากที่ใดนั้นอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ

กองทัพภาคที่ 2 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา มณฑลทหารบกที่ 21 ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรอบพื้นที่การฝึกไม่ให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าว รวมถึงไม่ให้ลักลอบนำกระสุนวัตถุระเบิดออกจากพื้นที่การฝึก ที่รอการทำลายจากเจ้าหน้าที่สรรพาวุธทหาร ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการในการเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดในทุกครั้งที่มีการฝึก ด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งเตือนผู้ที่รับซื้อของเก่า ไม่ควรรับซื้อของเก่าที่เป็นกระสุนวัตถุระเบิดโดยเด็ดขาด หรือหากผู้ใดพบเห็นวัตถุต้องสงสัยที่คล้ายวัตถุระเบิด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจเข้าตรวจสอบและดำเนินการต่อไป

สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายนั้น ล่าสุดได้ถูกส่งตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี