แม่ซิ่งมอเตอร์ไซค์ ไล่ตามรถเก๋ง มารับลูกชายออทิสติกวัย 19 ปี ถึงบ้านที่บุรีรัมย์ ไปทำงานแถวชายแดนที่สระแก้ว หวั่นเป็นแก๊งคอลฯ มาหลอก

วันที่ 17 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สุธิญา ยิ้มรัมย์ อายุ 38 ปี อยู่ในพื้นที่ ต.โนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ว่าลูกชายถูกกลุ่มคนที่คาดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์มารับตัวถึงบ้าน

น.ส.สุธิญา เล่าว่า ตนมีลูกชายคนเดียว อายุ 19 ปี ป่วยเป็นออทิสติกแต่รู้เรื่องดี มีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซ่อมเครื่องเสียง ซ่อมโทรศัพท์ได้ ส่วนตนทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ร้านซักผ้าอัตโนมัติอยู่ในตัวเมืองบุรีรัมย์ จึงเอาลูกชายมาอยู่ด้วยเพราะเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ลูกชายบอกว่าอยากจะไปทำงานที่จังหวัดสระแก้ว เพราะมีคนชวนไป ได้เงินเดือน 20,000 บาท ตนจึงห้ามไม่ให้ไป เพราะคิดว่าน่าจะไปทำงานเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันเกิดเหตุลูกชายซึ่งอยู่บ้านพักโทรศัพท์มาบอกตนซึ่งทำงานอยู่ว่า "หนูจะไปทำงานนะ" ที่สระแก้ว ตนก็ห้ามอีกว่าอันตราย แม่ไม่ให้ไป ลูกชายก็ย้ำกลับมาว่าอยากไป สักพักรู้สึกเอะใจ จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปหาลูกที่บ้านพัก เห็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่สีดำ ทะเบียนระยอง มาจอดอยู่ข้างฟุตบาทเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ และเห็นลูกชายขึ้นรถไปกับเขาแล้ว จึงรีบขี่รถตามรถเก๋งคันดังกล่าวไป จนทันบริเวณสี่แยกไฟแดงแสงรุ้ง ซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ จึงเคาะกระจกรถให้เปิดประตู แต่คนในรถซึ่งคาดว่ามีประมาณ 2-3 คนไม่สนใจ เปลี่ยนเส้นทางจากรอไฟแดง เป็นเร่งเครื่องเลี้ยวซ้ายที่สามารถผ่านได้ตลอด

...

น.ส.สุธิญา เล่าต่อว่า ตนก็ขี่รถตามออกไปอีก จนทันที่ร้านวัสดุก่อสร้างทางไปอำเภอสตึก คราวนี้รถเก๋งจอดแล้วมีคนลงมาจากรถมาถามตนว่าเป็นใคร ตนบอกไปว่าเป็นแม่ของน้องที่นั่งอยู่ในรถ จากนั้นมีชายคนหนึ่งบอกว่าจะเอาน้องไปทำงานที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตนตอบไปว่าทำงานไม่ว่า แต่ทำไมเคาะกระจกรถจึงรีบหนี

ระหว่างนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์มือถือของตน เนื่องจากตนโทรแจ้ง 191 ไปก่อนหน้านี้ พอรับสายก็บอกตำรวจว่าเจอแล้ว ทำให้คนในรถรู้ว่าเป็นตำรวจ ก่อนจะปล่อยลูกชายตนลงมา แล้วรีบเร่งเครื่องรถหนีไป

จากนั้นตนจึงย้อนมาแจ้งความที่ สภ.เมือง เอาหลักฐานเป็นภาพรถ และข้อมูลการแชตหากันระหว่างคนกลุ่มนั้นกับลูกชายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู เจ้าหน้าที่แจ้งว่าน่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจจะหลอกให้ไปเปิดบัญชีม้า หรือไปทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่มั่นใจว่าโดนหลอกแน่นอน

น.ส.สุธิญา เล่าด้วยว่า ส่วนตัวเคยเห็นแต่ในทีวี เพิ่งมาเจอกับตัวเป็นครั้งแรก โชคดีที่ตนเอะใจที่ขับรถมาหาลูกที่ห้อง ถ้าพลาดเพียงไม่กี่นาทีลูกชายไม่รอดแน่นอน