สามีครูสาว รอง ผอ.สนามบิน ยืดอกยอมรับผิด หลอกแฟนสาวแต่งงาน ทั้งที่ยังมีทะเบียนสมรส ขณะที่ฝ่ายหญิงบอก ที่ผ่านมาโดนหลอก ถ้ารู้ไม่เอาแน่นอน
วันที่ 13 มี.ค. 68 จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) ครูสาวสุดช้ำ ถูกสามีที่เป็น รอง ผอ.สนามบินแห่งหนึ่ง ส่งไลน์ขอเลิก เพื่อไปแต่งงานกับสาวคนใหม่ ซึ่งเป็นลูกสาวของนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งที่ยังมีทะเบียนสมรส พอจะไปขอให้ต้นสังกัดช่วยเคลียร์ กลับโดน ผอ. ต่อว่า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านต่อ : ครูสาวช้ำ สามีส่งไลน์ขอเลิก ไปแต่งกับสาวคนใหม่ ทั้งที่ยังมีทะเบียนสมรส)
ความคืบหน้า น.ส.ปุ๊ก (นามสมมติ) ซึ่งเป็นสาวที่มีภาพแต่งงานกับ อดีตรักษาการ ผอ.สนามบิน เผยว่า หลังทราบข่าว ตนกลายเป็นผู้เสียหาย เป็นฝ่ายโดนหลอก ซึ่งฝ่ายชายมาสารภาพกับตนแล้วว่า ยังมีทะเบียนสมรสกับภรรยาอยู่ แต่ที่ไม่บอกให้ตนรู้ เพราะกลัวว่าจะเสียตนไป
น.ส.ปุ๊ก เล่าต่อว่า ก่อนหน้าฝ่ายชายบอกตนว่า เขาเคยแต่งงานมาแล้ว และก็มีลูก เช่นเดียวกับตนที่ผ่านการแต่งงานมาก่อน ประกอบกับเคยสังเกตมานาน ตั้งแต่คบกันมากว่า 2 ปี ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขา อีกทั้งทางครอบครัวเห็นว่าคบกันมานาน พอดีพี่สาวอยู่เมืองนอกเดินทางกลับบ้าน จึงอยากจะจัดพิธีตามประเพณีอีสาน คือการผูกข้อไม้ข้อมือไม่ได้จัดงานแต่งใหญ่โต แค่อยากให้พ่อแม่ญาติพี่น้องรับรู้เท่านั้น
น.ส.ปุ๊ก บอกด้วยว่า ตอนนี้กำลังปรึกษาทนายความว่าจะทำอะไรได้บ้าง ยอมรับทุกข์มากที่ผิดพลาด ไม่คิดว่าจะมีเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง อีกทั้งยังถูกสังคมโจมตี ตอนนี้จะพยายามเข้มแข็ง ซึ่งถ้าตนรู้ว่าเขามีภรรยา หรือยังมีทะเบียนสมรสคาอยู่ ตนไม่เอาอย่างแน่นอน ตอนนี้ให้เขาไปเคลียร์ตัวเองก่อน ยังจะไม่คุยกัน ส่วนเรื่องจะกลับมาคืนดีหรือไม่ หากเขาเคลียร์กันลงตัว มันเป็นเรื่องอนาคตพูดตอนนี้ไม่ได้
...

ขณะที่ นายโต (นามสมมติ) รอง ผอ.สนามบิน ออกมายอมรับว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของตนที่ไปหลอกแฟนสาวที่เพิ่งแต่งงาน เพราะรักเขา ไม่อยากเสียเขาไป จึงทำทุกทาง ซึ่งน้องเขาก็เชื่อตนแบบสนิทใจ ซึ่งตนขอยอมรับผิดเพียงคนเดียว
นายโต บอกด้วยว่า ส่วนภรรยาที่มีทะเบียนสมรส ไม่ได้มาหาตนนานมาก เคยพูดกันทางไลน์แต่ไม่มาก ภรรยารู้นิสัยผมดี ผมเป็นคนชอบเที่ยวชอบเจ้าชู้ตามประสาผู้ชาย ส่วนฝ่ายใดจะมาดำเนินคดีกับตนก็น้อมรับขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหญิงทั้งสองคน ส่วนต้นสังกัดจะมีระเบียบอย่างไรขึ้นอยู่กับส่วนกลาง
จากนั้นผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง น.ส.เอ ภรรยาฝั่งมีทะเบียนสมรส ถึงเรื่องไม่เคยมาพบสามีเลยในห้วง 2-3 ปี ได้รับคำตอบว่า สามีพูดถูกทุกข้อ สาเหตุที่ไม่ได้เจอหน้ากัน เพราะสามีบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ตนกับลูกขับรถไปหาที่บุรีรัมย์ จะอ้างสารพัดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงบ้าง ไปประชุมบ้าง ทุกครั้งที่ตนเดินทางมาถึงบุรีรัมย์ สามีจะไม่ให้เจอแม้แต่ครั้งเดียว ต้องขับรถเลยไปบ้านเกิดที่อุบลราชธานีทุกครั้ง ยอมรับสามีเป็นลูกผู้ชาย ที่ยืดอกรับแทนแฟนใหม่ ถ้าแบ่งอกมายืดรับกับภรรยา ที่ถูกต้องตามกฎหมายก็น่าจะดี