หลานตัดสินใจงัดบ้านยาย หลังติดต่อไม่ได้ ช็อกพบเป็นศพอยู่ตรงบันได ตร.คาด วูบจนตกลงมาจากชั้น 2 แล้วหัวไปกระแทกกับผนังปูนเสียชีวิต ด้านญาติสุดเศร้า เผยผู้ตายเป็นคนดีมาก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มีนาคม 2568 ร.ต.อ.สหรัฐ เติมต่อวัฒนกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้หญิงตกบันไดเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน เหตุเกิดที่บ้านแห่งหนึ่งใน ซ.อินทร์แปลง ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด พบญาติและเพื่อนบ้านได้ช่วยกันงัดลูกกรงหน้าต่างบ้านเข้าไปภายในบ้าน บริเวณชั้นพักบันไดทางขึ้นชั้น 2 พบศพ น.ส.วัชราภรณ์ น้อยนรินทร์ หรือกัน อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน สวมชุดนอน นอนตะแคงขวา ที่ศีรษะด้านหลังมีแผลแตกลึกจนถึงกะโหลก มีเลือดไหลนองบันได

จากการชันสูตร คอไม่หัก แต่มีแผลแตกที่หลังศีรษะ คาดเสียชีวิตจากเสียเลือดมาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าว ต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์ ต่างแสดงอาการตกใจ เนื่องจากผู้ตายเป็นคนอัธยาศัยดี ชอบเข้าวัดทำบุญ เป็นที่รักของเพื่อนบ้าน โดยมีนางพรสวรรค์ จันทร์กลิ่น 48 ปี หลานสาว ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่

...

นายภูธเนศ จันทร์กลิ่น อายุ 17 ปี ลูกชายนางพรสวรรค์ หลานผู้ตาย เล่าว่า คนตายมีศักดิ์เป็นยาย มีบ้านอยู่ติดกัน ตนติดต่อยายไม่ได้ตั้งแต่เช้า เข้ามาดูในบ้านก็ล็อกประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา จึงพากันถอดลูกกรงหน้าต่าง และงัดบานเลื่อนกระจกเข้าไป เข้าไปตอนแรกยังไม่ได้เปิดไฟจึงมองไม่ค่อยเห็น จากนั้นก็เดินไปปลดล็อกประตูหน้าบ้าน ขณะกำลังจะเดินไปเปิดไฟที่ห้องครัว ก็เห็นว่าที่บันไดมีรอยคล้ายเลือด เมื่อเพ่งดูก็รู้ว่าเป็นยายนอนจมกองเลือดอยู่ จึงร้องบอกแม่และญาติให้เข้ามาดู

ด้าน นางพรสวรรค์ หลานผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นน้องสาวแม่ ตนเรียกว่าน้า ผู้ตายเป็นโสด อยู่บ้านหลังนี้คนเดียว แต่บ้านตนก็อยู่ติดกัน คาดว่าน้าอาจจะวูบและตกบันไดลงมาหัวกระแทกผนัง น้าเคยวูบมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร ทุกเช้า ประมาณตี 5 ตนและน้าจะออกมาทำกับข้าว เพื่อใส่บาตรที่หน้าบ้าน แต่วันนี้ไม่ได้ออกมาทำกับข้าวเหมือนทุกครั้ง เพราะน้ากำลังจะไปเที่ยวเวียดนามกับญาติในวันพรุ่งนี้ แต่ช่วงเวลาประมาณตี 5 วันนี้ ตนได้ยินเสียงคล้ายกับมีการลากโต๊ะ หรือสิ่งของในบ้านน้า ยังคิดเลยว่าทำไมน้าตื่นมาลากอะไรแต่เช้า จากนั้นก็เงียบไป ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร

ตนนึกว่าน้าอาจจะจัดกระเป๋าเก็บของเตรียมตัวไปเที่ยว จึงไม่ได้เอะใจอะไร และน้าบอกว่าช่วงนี้ไม่ว่าง จะไม่ได้ไปทำบุญ และไม่ได้ไปเปลี่ยนดอกไม้ที่วัดในวันพระที่ผ่านมา กระทั่งสาย ตนก็ยังไม่เห็นน้าออกมาจากบ้าน โทรหาก็ไม่รับ จึงพากันเดินมาดูที่บ้านตอนประมาณ 09.30 น. เรียกอยู่นาน ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ตอนนั้นเริ่มเอะใจและกังวลใจแล้ว เมื่อญาติและลูกชายตนเข้าไปในบ้าน ก็เห็นน้านอนเสียชีวิตแล้ว ตกใจและเสียใจมากที่น้าต้องมาจากไป ดูแลกันมาตลอด น้าไม่มีใคร อยู่คนเดียว น้าเคยเป็นครูสอนโรงเรียนเอกชนที่กรุงเทพฯ ลาออกมาอยู่บ้านเมื่อปี 2565 น้าชอบเข้าวัดทำบุญ ก็ไม่นึกว่าน้าจะมาจากไปแบบนี้

ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจจะวูบจนหมดสติ จนตกลงมาจากชั้น 2 แล้วหัวไปกระแทกกับผนังปูนลงมากองอยู่ที่ชั้นพักของบันได ซึ่งบาดแผลที่หลังศีรษะใหญ่มาก ทำให้เสียเลือดมาก ประกอบกับผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้เสียชีวิตในที่สุด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชม.

ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต เพราะไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือรื้อค้นสิ่งของ ทรัพย์สินมีค่ายังอยู่ครบทุกอย่าง ตำรวจจึงมอบศพให้อาสากู้ภัย นำไปที่แผนกนิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะได้ให้ญาติมาติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.