ระทึก รถพ่วงบรรทุกน้ำมัน 43,000 ลิตร หลุดโค้งพลิกคว่ำหงายท้อง คนขับคอหักเสียชีวิต ตำรวจเร่งติดต่อบริษัทเจ้าของรถให้นำอุปกรณ์และรถมาเปลี่ยนถ่าย
เมื่อเวลา 03.30 น. ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์ คำรังสี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ว่ามีอุบัติเหตุ รถบรรทุกน้ำมันเสียหลักพลิกคว่ำบริเวณก่อนถึงโรงงานฟักไข่ บ้านซับรวงไทร ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ถนนหลวงหมายเลข 201 สายชัยภูมิ-แก้งคร้อ ขาออกเมืองชัยภูมิ ช่วงหลัก กม.ที่ 140-141 จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างคุณธรรมชัยภูมิ รถน้ำ อบต.นาเสียว
ที่เกิดเหตุได้พบกับบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เป็นรถบรรทุกน้ำมันมาเต็มคันขนาด 43,000 ลิตร หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร สีเทา ตัวรถตกถนนพลิกคว่ำหงายท้องล้อรถชี้ขึ้นฟ้า มีกลิ่นน้ำมันดีเซลโชยออกมาจากรถคว่ำ
ในตัวรถยังพบคนขับรถติดคาซาก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากรถ ทราบต่อมาชื่อ นายสุทธิพงศ์ ถาวร อายุ 40 ปี ชาวตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อยู่ในสภาพคอหักพับเสียชีวิตคาที่ด้านหน้ารถพ่วง 22 ล้อ
...
จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ ที่มาถึงจุดเกิดเหตุบอกว่า จุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งลงเนิน คาดว่าคนขับอาจจะหลับใน เมื่อรถวิ่งเข้าทางโค้งมา รถได้หลุดโค้งตกไหล่ทาง พลิกคว่ำตกถนนไปหงายท้องอยู่กลางร่องถนน ยังดีไม่เกิดประกายไฟทำให้ไฟลุกไหม้อีก จึงประสานรถน้ำใกล้เคียงเข้ามาสแตนด์บายเพื่อป้องกันและช่วยเหลือหากเกิดประกายไฟ อีกทั้งยังได้ประสานไปยังบริษัทเจ้าของรถให้นำอุปกรณ์และรถมาเปลี่ยนถ่าย ซึ่งทางเจ้าของรถหรือทางบริษัทรถคันดังกล่าวนั้นทราบเรื่องแล้วอยู่ระหว่างดำเนินการและติดต่อรถเครนรถยกเพื่อที่จะมาทำการยกกลับเข้าบริษัท
ด้าน พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์ คำรังสี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ อีกทั้งยังได้รอบริษัทเข้ามาตรวจสอบปริมาณน้ำมัน และทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหลและป้องกันการขโมยน้ำมันในช่วงที่ทางบริษัทยังไม่เข้ามา คาดว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันและการนำรถที่เกิดอุบัติเหตุออกจากบริเวณจุดเกิดเหตุจะแล้วเสร็จในค่ำวันนี้ และประสานจราจร สภ.เมืองชัยภูมิ เข้ามาอำนวยความสะดวกบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนและป้องกันการเกิดประกายไฟอีกด้วย.