ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา ลูกสาวจุดไฟเผา "พ่อใหญ่แดง" สารภาพหวังเอาเงินฌาปนกิจ 50,000 บาท ไปใช้หนี้พนันออนไลน์ เคยซื้อยาเบื่อหนูมาผสมกับผัดกะเพรากบให้พ่อกินแล้ว

จากกรณีไฟไหม้กระท่อมข้างลานรับซื้อข้าวเปลือกแห่งหนึ่งใน ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ทำให้นายบุญเลี้ยง จันทศรี อายุ 73 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในกระท่อมดังกล่าว ถูกไฟคลอกเสียชีวิตปริศนา สภาพศพมีลวดพันอยู่กับมือข้างขวา เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา 

โดยหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่และสั่งการให้ตำรวจ สภ.ฆ้องชัย ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เร่งดำเนินสืบสวนคลี่คลายคดีโดยเร็ว กระทั่งวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ได้จับกุม น.ส.บุญทิวา จันทศรี อายุ 26 ปี หรือปุ้ย ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของนายบุญเลี้ยง พร้อมหลักฐานในการก่อเหตุ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่า ได้กระทำความผิดจริง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าบุพการีโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นอำพรางศพ และวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเกิดความเสียหาย และถึงแก่ความตาย

...

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่หน้า สภ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.สมพงศ์ มั่นหมาย รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.กรภพ เนตรไธสง ผกก.สภ.ฆ้องชัย พร้อมด้วยชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ ทีมสอบสวน และชุดสืบสวน สภ.ฆ้องชัย ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าของคดี

พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รรท.ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยาน รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาประกอบกับพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายได้ทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งคลี่คลายคดีให้เกิดความกระจ่างโดยเร็ว จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหา

จากการสืบสวน สอบสวน และเค้นสอบปากคำ น.ส.ปุ้ย มานานกว่า 3 วัน จนเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุจุดไฟเผาฆ่าพ่อแท้ๆ จริง ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากติดหนี้พนันออนไลน์อยู่จำนวนหนึ่ง และที่ผ่านมาได้มาขอเงินพ่อหลายครั้ง กระทั่งระยะหลัง พ่อไม่มีให้ แล้วโดนต่อว่า และเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง น.ส.ปุ้ย จึงคิดวิธีว่าทำอย่างไร จะหาเงินจากพ่อ และนึกได้ว่าหากพ่อเสียชีวิต จะมีเงินฌาปนกิจหมู่บ้านอยู่ 5 หมื่นกว่าบาท จากนั้นจึงเริ่มวางแผนฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าตัวเอง

โดยครั้งแรกวันที่ 30 มกราคม 2568 น.ส.ปุ้ย ได้ไปซื้อยาเบื่อหนูมาผสมกับอาหาร ผัดกะเพรากบนำมาให้พ่อกิน หวังวางยาฆ่า แต่เนื่องจากนายบุญเลี้ยง อายุมากจึงกินกะเพรากบได้น้อย จึงไม่เป็นไร จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 31 มกราคม 2568 น.ส. ปุ้ย เข้ามาดูพบว่ากะเพรากบยังเหลือเท่าเดิมจึงเททิ้ง และมาถึงช่วงเย็นได้ไปซื้อน้ำมันที่บรรจุใส่ขวด ขี่ จยย. มากระท่อมหลังเกิดเหตุ และขอเงินพ่ออีกรอบ แต่นายบุญเลี้ยงก็ยังไม่มีให้ จนเกิดมีปากเสียงกันอีกครั้ง ซึ่งนายบุญเลี้ยงอายุมาก ประกอบกับได้ดื่มสุรามา จึงสู้แรง น.ส.ปุ้ยไม่ไหว และถูกผลักล้มลงกับพื้นจนหมดสติ น.ส.ปุ้ยเข้าใจว่าพ่อเสียชีวิต จึงนำเอาสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้ามามัดมือของนายบุญเลี้ยงไว้ และจุดไฟเผา แล้วขี่ จยย.ออกไปจากจุดเกิดเหตุ กระทั่งมีคนมาพบ

พ.ต.อ.ศิรสัณห์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการชันสูตรศพ พบว่าปอดมีเขม่าควัน จึงสันนิษฐานได้ว่านายบุญเลี้ยงก่อนถูกไฟไหม้ยังไม่เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม หลังพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำเสร็จแล้ว ได้แจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.ปุ้ย 3 ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าบุพการีโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นอำพรางศพ และวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเกิดความเสียหาย และถึงแก่ความตาย ส่วนกรณีการเล่นพนันออนไลน์ เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งว่าเล่นอย่างไร แบบไหนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว มีญาติ และเพื่อนบ้านต่างพากันมาติดตามความคืบหน้าของคดีจำนวนมาก บางส่วนไปรอดูการทำแผนบริเวณจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางเสียงด่าสาปแช่งให้ได้รับโทษกับสิ่งที่ทำไว้กับพ่อ ทั้งนี้ภายหลังจากแถลงข่าว เจ้าหน้าที่จะได้นำตัว น.ส.ปุ้ย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ น.ส.ปุ้ย ซึ่งถูกคุมตัวไว้ในห้องขังได้ร้องไห้เสียงดัง และปฏิเสธการทำแผน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย เจ้าหน้าที่จึงยกเลิกการทำแผน

ด้านนายภิรมย์ ภูผานม อายุ 46 ปี ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็สงสัยอยู่แล้วว่า น.ส.ปุ้ย เป็นคนก่อเหตุจุดไฟเผาพ่อ เพราะมีท่าทาง และพูดจาพิรุธหลายอย่าง ทั้งนี้หลังเจ้าหน้าที่คลี่คลายคดีได้ทุกคนโล่งใจ ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนตัวก็อยากให้รับโทษสูงสุด

...