2 ผัวเมียสุดระทึก ขี่ จยย.เก็บมะขาม เขตป่าสงวนฯ จ๊ะเอ๋กระทิงเขาเดียวตัวเขื่อง หนักราว 2 ตัน พุ่งขวิดกระเด็นทั้งผัวทั้งเมีย พากันหนีตาย ปีนต้นไม้ระทึก
จากกรณีที่ น.ส.เปียว ด่านต้องกระโทก อายุ 46 ปี ชาวบ้านทุ่งตะเคียน หมู่ที่ 10 ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ถูกกระทิงป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน พุ่งชนได้รับบาดเจ็บ ขณะออกไปเก็บมะขามภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี จนถูกนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.ครบุรี โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 11 มี.ค.67 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 นายดำรงค์ กองสันเทียะ สามีของ น.ส.เปียว ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ชักชวนภรรยาขับขี่ จยย.เข้าไปเก็บมะขามที่ขึ้นอยู่กลางแปลงปลูกป่า ซึ่งเป็นจุดที่เคยมีชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัยทำกินก่อนที่จะมีการทวงคืนผืนป่า เมื่อปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ระหว่างทางเกิดไปเจอเข้ากับกระทิงตัวใหญ่ในระยะกระชั้นชิด น้ำหนักประมาณเกือบ 2 ตัน ตัวสีดำสนิท และถูกมันวิ่งชน ตนพยายามหักหนีแต่ก็ไม่พ้น ถูกชนเข้าด้านบริเวณหลังรถ จยย. จนตนและภรรยากระเด็นตกจากรถห่างไปเกือบ 2 เมตร แต่โชคดีที่ตอนนั้นกระทิงตัวดังกล่าว เขาไปติดกับราวจับด้านหลังเบาะ จยย. ตนจึงรีบคว้าแขนพาภรรยาแล้ววิ่งหนีไปปีนต้นไม้ ส่วนเจ้ากระทิงก็พยายามสะบัดเขาออกจาก จยย. จนรถถูกยกขึ้นลงหลายครั้ง จนเสียงแตรรถดังลากยาว จนสะบัดหลุดออกจากรถ ตกใจเสียงแตรวิ่งกระเจิงหนีเข้าป่าไปในที่สุด
"กระทิงตัวดังกล่าว เป็นกระทิงตัวใหญ่มาก น่าจะมีน้ำหนักเกือบๆ 2 ตัน มีเขาข้างเดียว ซึ่งตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าหากกระทิงตัวนี้เขาไม่ไปติดเข้ากับรถ จะเกิดอะไรขึ้นกับตนและภรรยามากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะถึงเสียชีวิตก็ได้ ครั้งนี้ต้องขอบคุณรถ จยย.ที่ช่วยชีวิตพวกตนเอาไว้" นายดำรงค์ กล่าว
...
ด้าน น.ส.เปียว ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ยังสร้างความตกใจให้กับตนจนถึงตอนนี้ แม้แต่ตอนหลับตาก็ยังเห็นภาพเหตุการณ์อย่างชัดเจน ถือเป็นเหตุระทึกที่เฉียดความเป็นความตายมากที่สุดในชีวิตแล้ว แม้ว่าตนจะอาศัยอยู่ใกล้กับเขตป่ามาเกือบทั้งชีวิต แต่ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เจอกับสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิดที่สุด ก่อนหน้านี้ก็เคยพบเห็นเพียงแค่รอยเท้าเท่านั้น จากนี้ไปตนคงไม่กล้าเข้าไปใกล้เขตป่าอีกแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเดินเข้าไปในป่าเพื่อหาเห็ดและของป่าเป็นประจำก็ตาม แต่หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็คงไม่กล้าเข้าไปอีกแล้ว
เบื้องต้น ทางอุทยานแห่งชาติทับลาน รับทราบและส่งเจ้าหน้าที่ออกไปค้นหา และทำการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก พร้อมเดินทางเข้าไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ และจะเร่งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามขั้นตอนกฎหมายโดยต่อไป