ลุงขับแท็กซี่อยู่กทม. ดื่มเหล้าเมาแล้วขับรถทางไกลกลับบ้านที่ชัยภูมิ ชนนักปั่นจักรยานออกกำลังกายตอนเช้า ลากร่างมาไกลเกือบ 1 กิโลเมตร ขับต่อจนเครื่องดับ เพราะน้ำมันหมด อ้างได้ยินเสียงดังปัง แต่ไม่รู้ว่าชนอะไร วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 195 มก.


วันที่ 2 มี.ค. 67 เวลา 04.30 น. พ.ต.ท.ศิริ จันดีศรี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานปั่นถูกเฉี่ยวชน มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านประยูรรวมช่าง ถนนหมายเลข 201 สายชัยภูมิ-สีคิ้ว จึงรุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ และหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ

ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย สวมเสื้อกีฬาสีดำ สวมกางเกงปั่นจักรยาน ในที่เกิดเหตุพบข้าวของรองเท้ากระจัดกระจายเกลื่อนถนน ห่างออกไปกว่า 1 กิโลเมตร พบซากรถจักรยานปั่นสีดำ เหลือเพียง 1 ล้อ และแฮนด์รถ ส่วนผู้เสียชีวิตทราบต่อมาชื่อ นายวรรณ ไตรทิพย์ (ไม่ทราบอายุ) ในเกิดเหตุไม่พบรถคู่กรณี คาดว่าขับหลบหนีไป พบเพียงป้ายรถ ระบุเป็นรถยี่ห้อโตโยต้า และกรอบรถสีเขียว หลุดตกอยู่ 


แพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิได้ทำการชันสูตร และพบโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต จึงได้เปิดโทรศัพท์เพื่อติดต่อญาติ สายแรกมีคนรับสาย พอแจ้งว่าติดต่อมาจากโรงพยาบาล ปลายสายถึงกับวางสาย นึกว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะใช้เบอร์ของผู้เสียชีวิต และของเพื่อนผู้ตายโทรไป มีคนรับสายแจ้งว่าผู้เสียชีวิตอยู่บ้านที่กุดละลม ปั่นจักรยานออกมาหาเพื่อนเพื่อออกกำลังกายทุกเช้า โดยเช้าวันนี้นัดกลุ่มเพื่อนที่บ้านขี้เหล็กใหญ่เพื่อไปออกกำลังกายด้วยกัน


ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ศิริ จันดีศรี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์ คาดว่าเป็นรถที่ชน จอดอยู่บริเวณหน้าโรงงานไฟฟ้าบ้านเล่า ถนนหมายเลข 201 สายชัยภูมิ-แก้งคร้อ จึงรีบติดตามไปพบว่าเป็นรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน มช 8209 หมวดจังหวัดกรุงเทพมหานคร หน้ารถมีรอยชนพังยุบ และยังมีเบาะรถจักรยานติดอยู่หน้ารถ จึงตรวจสอบหาตัวคนขับ พบคนขับอยู่ภายในรถ ทราบชื่อนายธเนตร ดลราษี อายุ 62 ปี บ้านอยู่หมู่ 3 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงมาจากรถ พบสภาพเมาอ้อแอ้ พูดจาไม่รู้เรื่อง

...


สอบถาม นายธเนตร เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนนั่งดื่มสุราอยู่ที่กรุงเทพฯ พอเมาก็ขับรถคันเกิดเหตุมาเพื่อจะกลับบ้านที่ชัยภูมิ ถึงจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงดังปัง ไม่รู้ว่าชนอะไร จึงขับออกมาจากจุดที่ได้ยินเสียง ไกลกว่า 10 กม. และรถมาดับเนื่องจากน้ำมันหมดตรงจุดนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาเพื่อสอบสวน และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 195 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่ากฎหมายกำหนดที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถูกตั้งข้อหา 1.เมาแล้วขับ 2.ชนคนตายแล้วหนี ส่วนผู้เสียชีวิตได้ประสานญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศล.