"กลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ 23 องค์กร" ออกแถลงการณ์ 5 ข้อ ขอความชัดเจนปมออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ติดเขตอุทยานฯ ขณะที่เครือข่ายออกมาแสดงพลังมุ่งมั่นรักษาผืนป่ามรดกโลก

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 67 น.ส.พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และเป็นหนึ่งในเครือข่ายอนุรักษ์ 23 องค์กร รอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดเผยว่า ภายหลังได้เข้าพบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรมชาติและสิง่แวดล้อม (ทส.) โดยได้ยืนหนังสือประเด็นความห่วงใยกรณีข้อพิพาท "จุดหมุดนิรนาม ส.ป.ก." ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และปัญหาการบุกรุกพื้นที่บริเวณโดยรอบเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบกับการเป็นมรดกโลกของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รวมถึงกระทบการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่นับวันจะมีปัญหาในหลายเรื่อง โดยเครือข่ายฯ ได้ยืนเอกสารแถลงการณ์ 5 ข้อ "เซฟเขาใหญ่ให้ปลอดภัยจาก ส.ป.ก." ผนวกเข้าไปด้วย

ล่าสุด ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวภายหลังกรมแผนที่ทหารได้สำรวจพื้นที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ที่ไปทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนเกิดข้อพิพาท 2 หน่วยงาน ชี้ชัดพื้นที่ปักหมุดไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมสั่งตรวจสอบพื้นที่เขาใหญ่มีการจัดสรรให้เกษตรกรเข้าทำกิน หากพบสร้างเป็นรีสอร์ตให้ยึดคืนทั้งหมด และจะทำเป็นป่าแนวกันชน ดังนั้นในนาม 23 องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์รอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงออกแถลงการณ์ ดังต่อไปนี้

1. ภายหลังกรณีเกิดข้อพิพากษาจุดหมุดนิรนาม ส.ป.ก.ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวอีกหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่อุทยานฯ ทั่วประเทศ จึงขอความชัดเจนในเรื่องนี้ และกรุณาเปิดเผยข้อมูลในเรื่องนี้ให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อความโปร่งใส

...

2. การออกเอกสาร ส.ป.ก.ทั่วประเทศ เพื่อให้ที่ทำกินกับเกษตรกรที่อยู่แนวกันชนป่า ระหว่าง 3 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ควรเปิดเผยให้สังคมรับทราบ เพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีบุกรุกทำลายป่า อย่างเช่น กรณีผืนป่าสงวนแห่งชาติดงพญาเย็น บ้านหนองเครือคต ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าดำเนินการอะไรแล้วหรือไม่

3. การออกเอกสารสิทธิ์ถือครองที่ทำกินของเกษตรกรทั่วประเทศ จะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะชนให้ทราบถึงรายชื่อของผู้ถือครอง ว่า เป็นผู้มีสิทธิ์จริงหรือไม่ รวมถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกที่ชัดเจน ก่อนมอบเอกสารสิทธิ์ให้และถ้าเกิดผิดปกติ หรือมีข้อพิรุธ ก็จะสามารถโต้แย้งได้ทันเวลา ไม่ใช่ทำแบบเงียบๆ เช่นที่ผ่านมา

4. ต้องมีการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการให้สิทธิ์ถือครองที่ดินหรือรังวัดพื้นที่ โดยจะต้องมีหน่วยงานทุกภาคส่วนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคประชาชน ประชาสังคม จะต้องได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ชัดเจนมากกว่านี้

5. ด้าน 23 องค์กรเครือข่ายการอนุรักษ์ ขอเชิญชวนผู้ที่มีหัวใจรักษ์ป่า รักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์ธรรมชาติ และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ออกมารวมกันแสดงพลังปกป้องป่า ช่วยกันตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นแค่ไฟไหม้ฟาง เพราะเราอาจจะเสียผืนป่าไปอีกจำนวนมากในไม่ช้า

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "JoeMoe Chokcharoen" ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงพลังมุ่งมั่นที่จะรักษาผืนป่ามรดกโลก ผ่านการโพสต์ภาพและข้อความว่า "พึ่งกระทรวงไม่ได้ ขอพึ่งบารมีเจ้าพ่อเขาใหญ่ ขอให้เจ้าพ่อปกปักรักษาผืนแผ่นดินป่าเขาใหญ่นี้ไว้ อย่าได้ให้ใครมาแยกแบ่งเอาไป ฝากถึงเจ้ากรมแผนที่ทหาร คุณส่งลูกน้องมาทำงานไม่ถึงอาทิตย์ แล้วสรุปชี้ทางออกให้ ส.ป.ก.ไม่ทับซ้อนเขาใหญ่ แล้วคดีที่พวกเราจับล่ะ กลับกลายเป็นว่าพวกเราเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ดูแลผืนป่าตรงนี้ผิด? พวกเราข้าราชการตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่พยายามรักษาผืนป่าตรงนี้ไว้ การเสียสละเวลาของพวกเราทั้งต่อครอบครัว อย่าได้สูญเปล่า วันนี้พวกเราท้อได้แต่พวกเราจะไม่ถอย อุดมการณ์ของพวกเรายังคงอยู่ล้าน% ข้าพเจ้าจะรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ไว้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานต่อไป"