ผู้รับเหมาโร่แจ้งความ ถูกนายก อบจ.สกลนคร กับพวก หลอกลวงเรียกรับเงินมัดจำโครงการก่อสร้าง โครงการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างโซลาร์เซลล์ และโครงการปล่อยปลาบึงหนองหาร สุดท้ายไม่ได้ทำโครงการ สูญเงินกว่า 5 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนพบมีมูล ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ

วันที่ 30 ม.ค. 67 พ.ต.อ.ชัชวาล ดวงแก้ว ผกก.สภ.เมืองสกลนคร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 นายภพพล ประเสริฐสังข์ อายุ 35 ปี และนางสาวณัชชา มารศรี อายุ 34 ปี บ้านอยู่ ม.9 ต.บ้านแก้ง อ.นาแก จ.นครพนม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร กล่าวหาว่า ถูกนายชูพงศ์ คำจวง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร พร้อมพวกรวม 3 คน ร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงให้วางเงินมัดจำโครงการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างโซลาร์เซลล์ และโครงการปล่อยพันธุ์ปลาลงบึงหนองหาร สูญเงินกว่า 5 ล้านบาท


จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบพฤติการณ์ตามคำให้การของผู้เสียหายว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2564 นายภพพล ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจาก นายบุญธรรม นามสมบูรณ์ และนายตันติกร คำมุงคุณ ว่า นายชูพงศ์ คำจวง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ให้มาพูดคุยเรื่องโครงการก่อสร้าง และติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างโซลาร์เซลล์ และโครงการปล่อยปลาลงบึงหนองหาร ต่อมานายบุญธรรม และนายตันติกรได้นำนายภพพลไปพบกับนายชูพงศ์ ที่ห้องทำงานชั้น 2 อบจ.สกลนคร โดยนายชูพงศ์ยืนยันว่าทั้งสองโครงการนั้นมีอยู่จริง และจะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2564 หากนายภพพลสนใจก็ต้องวางเงินมัดจำโครงการผ่านบัญชีของนายบุญธรรม ซึ่งนายบุญธรรมจะนำไปให้นายชูพงศ์เอง

นายภพพล ได้นำเรื่องดังกล่าวปรึกษากับ นางสาวณัชชา และตกลงใจโอนเงินมัดจำโครงการทั้ง 2 โครงการไปยังบัญชีธนาคารของนายบุญธรรมผ่านทางแอปพลิเคชันของธนาคารหลายครั้ง ทั้งเช็ค และเงินสด รวมเป็นเงิน 6,500,000 บาท แต่กลับปรากฏว่าล่วงเข้าสู่ปี พ.ศ.2565 ก็ยังไม่ได้งานโครงการตามที่ตกลงกันไว้ ได้มีการทวงถามหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา เมื่อทวงถามหนักเข้าก็ให้นายบุญธรรมโอนเงินกลับมาคืนครั้งละ 1-2 แสนบาท โดยนายชูพงศ์รับปากจะคืนเงินที่เหลืออีก 5,600,000 บาท ให้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2566 แต่เมื่อถึงเดือนธันวาคม 2566 ก็ยังไม่มีการคืนเงินให้ หนำซ้ำยังบอกว่าไม่มีโครงการใดๆ อีกแล้ว ทำให้มั่นใจว่าถูกนายชูพงศ์และพวกหลอกลวง จึงได้ตัดสินใจนำความเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดังกล่าว

...

หลังจากพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ตามมาตรา 61 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 พบว่า คดีมีมูลข้อเท็จจริงจากหลักฐาน และเอกสารการโอนเงินทั้งหมด ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และได้ส่งมอบสำนวนการสอบสวน และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวน 96 แผ่น ให้กับ ป.ป.ช.สกลนครแล้ว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่ นายชูพงศ์ คำจวง นายกอบจ.สกลนคร สอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อกล่าวหา แต่นายชูพงศ์แจ้งว่า ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะพูดถึงรายละเอียดในเรื่องนี้