ป่าไม้ชัยภูมิ สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ปกครองจังหวัด พร้อมอาวุธครบมือ บุกขึ้นยึดรีสอร์ตหรูบนยอดเขาสูงภูแลนคา จำนวน 6 หลัง 2 แปลง จำนวน 18 ไร่ ซึ่งอ้างซื้อมาจากชาวบ้าน แต่เป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่าสงวน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 ที่ จ.ชัยภูมิ นายดุสิต กลมพาณิชย์ ป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยตำรวจ กอรมน. อส. รวม 60 นาย สนธิกำลังพร้อมอาวุธครบมือบุกขึ้นไปตรวจยึดรีสอร์ตหรูบนยอดเขาภูแลนคา บริเวณภูอ้ม ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตรับผิดชอบของตำบลซับสีทอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ที่มีกลุ่มนายทุนเข้าไปยึดครองพร้อมก่อสร้างรีสอร์ต และบ้านพักตากอากาศ โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากบริเวณก่อสร้างดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวน จากการตรวจสอบพบว่ามีการก่อสร้างอาคารบ้านพักจำนวน 2 หลัง โดมพักอาศัยจำนวน 4 หลัง ร้านอาหารจำนวน 1 หลัง อาคารห้องสุขาจำนวน 1 หลัง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการปรับพื้นที่เป็นลักษณะขั้นบันได ปลูกต้นทุเรียนอายุประมาณ 3-4 ปี
ขณะเข้าทำการตรวจยึดไม่พบว่ามีใครอาศัยอยู่ แต่จากการตรวจสอบอย่างละเอียด ยังมีร่องรอยของการพักอาศัย คล้ายกับว่ามีการอาศัยอยู่อย่างถาวร เนื่องจากสภาพพื้นที่สะอาดสะอ้าน บางพื้นที่ภายในบริเวณอาคาร ยังมีการเสืยบสายชาสแบตเตอรี่โทรศัพท์ทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่คาดว่าเจ้าของรีสอร์ตและคนงาน ไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน ที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางขึ้นมาถึง เนื่องจากสภาพพื้นที่สูงชันรกทึบ ถนนขรุขระต้องใช้เวลาในการเดินทางนานกว่า 2 ชั่วโมง
...
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการเข้าตรวจยึดครั้งนี้จะคว้าน้ำเหลว ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ แต่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดรถตู้โดยสารจำนวน 1 คัน รถจี๊ปจำนวน 1 คัน อุปกรณ์เครื่องมือในการทำการเกษตร จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ทำการนับแยกอุปกรณ์ทำเอกสารลงบันทึกรายการต่างเพื่อเป็นหลักฐาน
ป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ ยอมรับว่า เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าทำการ ตรวจยึดบ้านพักหรู และรีสอร์ตนี้มาแล้ว โดยมี เจ้าของรีสอร์ตออกมายืนยันว่าเป็นเจ้าของพื้นที่และบ้านพักดังกล่าว และอ้างว่าได้ซื้อที่ดินแห่งนี้ จำนวน 2 แปลง รวม 18 ไร่ มาจากชาวบ้าน ในพื้นที่ตำบลซับสีทอง ซึ่งเจ้าของที่เดิมแจ้งว่าเป็นพื้นที่ คทช.จากนั้นได้นำมาดำเนินการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ส่วนอาคารที่เห็นเป็นเพียงบ้านพักเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขต คทช.อย่างแน่นอน ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ถือว่าเป็นการบุกรุกป่าสงวน ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจนับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน ในการดำเนินคดีต่อไป