สุรินทร์-ดราม่า หลวงปู่เฮง ปภาโส เกจิดังอีสานใต้ ใช้ถังพ่นยา ฉีดน้ำมนต์ญาติโยม หลังพระพยอม บอก ยุคนิวนอมอล ทำได้ แต่ให้เหมาะสม ขณะที่ลูกศิษย์ออกโรงปกป้อง ยันหลวงปู่ อายุ 96 ปีแล้ว เคยใช้บาตรประพรมน้ำมนต์ จนอาพาธยกแขนไม่ขึ้น ต้องเข้าโรงพยาบาล จึงหาทางออกบรรเทาร่างกายที่ชราภาพ แต่ท่านมีเมตตาสูง ยอมนั่งรับญาติโยมทั้งวัน หวังสังคมเข้าใจ
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 จากกรณีที่มีผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า “@suriya.2524” ได้ลงคลิป หลวงปู่เฮง ปภาโส เกจิดังอีสานใต้และเป็นเจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งท่านมีอายุถึง 96 ปี ได้ใช้ถังเครื่องฉีดพ่นยา มาใช้ฉีดพ่นน้ำมนต์ให้กับบรรดาประชาชน ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่เคารพศรัทธา พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “รดน้ำมนต์แบบฉบับหลวงปู่เฮง ปภาโส ระบบนาโน หนึ่งเดียวในประเทศไทย” ทำให้มียอดคนดูนับแสนคน และชาวโซเชียลทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่พบว่าบางคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการใช้เครื่องฉีดพ่นน้ำมนต์ แทนที่จะใช้บาตรน้ำมนต์ประพรมน้ำมนต์ตามปกติ
...
ขณะที่สื่อมวลชนบางสำนัก ก็ได้ไปสอบถามความเห็นจากพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ซึ่งก็ได้มีการพูดถึงบางช่วงว่า “เห็นว่าสะดวก แต่ความซึ้งใจ ไม่เหมือนที่ได้จากบาตรน้ำมนต์ ค่อนข้างจะมีความขลังค์ศักดิ์สิทธิ์มากกว่า แบบเครื่องพ่นนั้น ดูก้าวล้ำนำสมัยไปหน่อย แต่ตอนนี้โลกเปลี่ยนเป็นยุค New Normal แล้ว ก็ทำกันไปได้ แต่ยังไงก็อย่าพ่นกันจนเปียกจนแฉะ ส่วนพระคุณเจ้าที่ทำด้านนี้ สายมูทั้งหลาย ควรทำให้พอเหมาะพอสมควร ถ้าชาวบ้านรับได้ก็ดี แต่ถ้าชาวบ้านส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ควรจะหยุดทำ” ตามที่เป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังวัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม ยังคงพบประชาชนพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่เฮง ปภาโส เดินทางมากราบไหว้ และขอให้หลวงปู่ฉีดพรมน้ำมนต์ให้เช่นเดิมอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน ขณะที่คณะศิษยานุศิษย์ ทั้งกรรมการวัดและไวยาวัจกร ก็ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเข้าใจในความตั้งใจจริงของหลวงปู่เฮง ปภาโส อย่างตรงกัน
นายศิริวุฒิ วงษ์เจริญ กำนัน ต.ด่าน อ.กาบเชิง เปิดเผยว่า หลวงปู่เฮง ปภาโส มีอายุมากแล้วถึง 96 ปี ก่อนหน้านี้ 2-3 ปี ท่านเคยฉลองศรัทธาญาติโยม ด้วยการใช้บาตรประพรมน้ำมนต์ตามปกติ แต่ทำทั้งวัน ด้วยความชราภาพ ท่านก็เหนื่อย แต่ฝืนทำ ท่านต้องอาพาธ นำตัวไปโรงพยาบาล ยกแขนไม่ขึ้น หลังจากนั้นมาลูกศิษย์ได้ปรึกษากัน ถ้าเราให้ท่านใช้เครื่องพ่นจะดีกว่าไหม ก็เลยทดลองมา 2-3 ปีแล้ว แต่บางทีที่คนไม่เยอะมาก ท่านก็ยังใช้บาตรพรมน้ำมนต์ให้อยู่ ท่านก็บอกว่าดี ไม่เมื่อย วันหนึ่งสามารถนั่งรับแขกได้หลายชั่วโมง และทุกวันนี้ก็ได้ให้ญาติโยมเข้ามากราบหลวงปู่ได้เป็นเวลา เพราะท่านอายุมากแล้ว อยากให้ท่านได้พักผ่อนบ้าง จึงกำหนดเวลาและติดป้ายไว้หน้ากุฏิ แต่ก็ยังมีบ้างที่ญาติโยมมาจากไกลๆ เช่น เมื่อวานซืนก็มา 1 คันรถทัวร์จาก จ.สมุทรปราการ ก็มานอกเวลา ท่านก็ออกมารับญาติโยม ก็ใช้เครื่องฉีดพ่นน้ำมนต์ให้
ท่านนั่งรับญาติโยมได้วันละ 5-6 ชั่วโมงก็นานแล้ว ต้องรักษาสุขภาพท่านด้วย ฉันภัตตาหารก็ไม่ค่อยจะได้อยู่แล้ว จะเอาแรงกำลังที่ไหนมาประพรมน้ำมนต์ให้ทั้งวันได้ จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องพ่นแทน ก็ฝากสื่อมวลชนช่วยชี้แจงให้สังคมได้รับทราบว่า ธาตุขันธ์หลวงปู่มากแล้ว ก็ต้องรักษาธาตุขันธ์ของท่าน ในความชราและเหนื่อย ก็ต้องเห็นอกเห็นใจท่าน เราในฐานะลูกศิษย์ลูกหาที่ใกล้ชิดท่าน ก็เป็นห่วง ญาติโยมก็เสนอมาให้ทำแบบนี้ กิจนิมนต์ในวัด ท่านก็ต้องนั่งรถไฟฟ้าไป ก็ถือโอกาสนี้ขอบอกบุญหลวงปู่ ท่านจะจัดกฐินสามัคคี ในช่วงวันที่ 24-27 พ.ย. 66 นี้ จะมีพิธีฉลองปฏิสังขรณ์ในวัดที่หลวงปู่ได้จัดสร้าง ไม่ว่าจะเป็น วิหาริย์พระนอน, ศาลาการเปรียญหลังใหม่ และรูปหล่อเหมือนหลวงปู่เฮง ปภาโส องค์ใหญ่ ที่กำลังเร่งสร้างให้เสร็จทันวันงานปลายปีนี้ ก็ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนมาทำบุญ จัดกฐินเป็นกอง กองละ 999 บาท เพื่อหาเจ้าภาพ หาปัจจัย จัดงานเป็นค่าใช้จ่ายในการฉลองดังกล่าว จึงถือโอกาสนี้บอกบุญลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ ร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยกัน โดยติดต่อขอจองได้ที่วัด หรือติดตามข้อมูลได้ที่เพจเฟซบุ๊กของวัด ชื่อ “หลวงปู่เฮง ปภาโส”
...
ด้าน นายพิเชษฐ์ ผิวงาม ไวยาวัจกร กล่าวว่า การฉีดพ่นน้ำมนต์ดังกล่าว เป็นการที่ท่านฉลองศรัทธาญาติโยม ญาติโยมมากราบขอให้รดน้ำมนต์ให้ ด้วยธาตุขันธ์ท่านเยอะแล้ว เมื่อก่อนก็ประพรมด้วยบาตรน้ำมนต์ แต่ทั้งวัน ท่านชราภาพมากแล้ว ก็เกิดเมื่อยล้าแขนจนยกไม่ขึ้น จนอาพาธต้องไปโรงพยาบาลมาแล้ว จึงได้ปรึกษากัน หาวิธีการให้ท่านสะดวกสบายขึ้น ท่านมีเมตตาสูง ก็อยากฉลองศรัทธาญาติโยม ที่ทำไปก็เพื่อฉลองศรัทธาญาติโยมและเพื่อพุทธศาสนา ซึ่งจะอนุญาตให้ญาติโยมมากราบรดน้ำมนต์ได้ ช่วงเวลา 8 โมงถึงเที่ยง และช่วงบ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมงทุกวัน
ก็ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หากมีโอกาสก็แวะเวียนมากราบท่าน เพราะท่านมีเมตตาสูงมาก ส่วนใหญ่คนมาวัดเป็นคนที่มีความทุกข์ การที่เขาได้รับน้ำพระพุทธมนต์กลับไป ก็คือการได้เยียวยาจิตใจอย่างหนึ่ง อย่ามองว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ หรือพิธีกรรมอะไร ให้มองว่าเป็นการปลอบประโลมจิตใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้มองกันแบบนี้ดีกว่า สังคมจะได้น่าอยู่
สำหรับหลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม สิริอายุ 96 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภของแดนดินถิ่นอีสานใต้ วัดตั้งอยู่ที่บ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลวงปู่เฮง เกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2470 ปีเถาะ พ่อแม่เป็นชาวกัมพูชา แต่ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทยในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครอง โดยย้ายมาอยู่หมู่บ้านปราสาท ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ประกอบอาชีพทำนาทำสวน มีพี่น้องด้วยกัน 13 คน เป็นบุตรคนที่ 7 ที่หมู่บ้านปราสาท ในวัยเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี พระอาจารย์เฉิด ธัมมกโร ลูกพี่ลูกน้องของหลวงปู่เฮง เดินทางธุดงค์มาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาเยี่ยมญาติพี่น้องที่ประเทศไทย บอกจะเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะไปได้ขอกับแม่ของท่าน โดยขอให้น้องไปด้วย และจะได้สอนให้ได้หัดเรียนเขียนอ่านหนังสือ ทำให้ได้ศึกษาอักษรขอม ศาสตร์วิชาแขนงต่างๆ ตั้งแต่บัดนั้น ศึกษากับพระอาจารย์เฉิด พระพี่ชาย และออกธุดงค์ไปด้วยเสมอ
...
จนอายุ 15 ปี ได้กลับมาบ้านและบวชเรียนเป็นเณร เรียนภาษาไทย ขอม และภาษาบาลีเพิ่มเติม สอบได้นักธรรมโท ครั้นอายุ 21 ปี ไปเป็นทหารที่กรมทหารม้า จ.ลพบุรี เลี้ยงม้าขี่ม้าอยู่ 3 ปี หลังปลดประจำการก็ท่องเที่ยวไปเรื่อย ช่วงชีวิตหนึ่งของท่านท่องเที่ยวไปทั่ว และไปอยู่ประเทศกัมพูชา จนกระทั่ง พ.ศ.2495 ได้ย้ายไปอยู่ จ.จันทบุรี มีโอกาสพบกับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จึงตัดสินใจบวช หลวงพ่อคงได้ถ่ายทอดวิทยาคม อักขระเลขยันต์ ภาษาขอม เขียนผงลบผง สักยันต์ และคาถาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะคาถาคงกระพันชาตรี ย่นระยะทาง มุ่งมั่นศึกษาจนมีความชำนาญ กระทั่งหลวงพ่อคงไว้ใจให้เขียนยันต์ อักขระแทน และเข้าร่วมปลุกเสกด้วย พ.ศ.2532 หลวงพ่อคงมรณภาพ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรสแทน แต่อยู่ได้เพียง 6 พรรษา ก็ขอลาออกและธุดงค์ไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งกลับมาบ้านเกิด อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ จนถึงปัจจุบัน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และชาวกัมพูชาแถบชายแดนให้ความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสู่วัยชราและมีปัญหาด้านสุขภาพตามวัย อีกทั้งเมื่อท่านรับกิจนิมนต์แล้ว ท่านจะต้องเดินทางไปถึงสถานที่งานก่อนเป็นประจำ ส่วนกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ท่านต้องเดินทางเข้าร่วมพิธีเสมอ แม้จะไกลหรือจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ก็มีความสุขที่ได้ปฏิบัติเช่นนั้น ศิษย์ผู้คอยดูแลปรนนิบัติก็ไม่สามารถ ทัดทานได้
...
ด้านวัตถุมงคลที่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เล่าขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคล ต่างเสาะแสวงหามาบูชาครอบครองติดตัว เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมและพลังจิตของท่าน ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสุรินทร์และแดนดินถิ่นใต้อีกด้วย.