อดีตตำรวจ วัยเกษียณ ขับกระบะพุ่งประสานงา จยย.ติดใต้ท้องรถไฟลุกท่วมคัน สลด 3 ชีวิตที่มากับ จยย.กระเด็นซ่านเซ็นดับสนิท ส่วนคนขับกระบะบาดเจ็บ จนท.หามส่ง รพ. สุดเศร้า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ศพ เป็นครอบครัวเดียวกัน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 ร.ต.อ.อนันท์ ศรีเสน รอง สว.(สอบสวน) สภ.นางรอง ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถกระบะชนประสานงารถ จยย. แล้วเกิดไฟลุกไหม้ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายสระประดู่-ทุ่งแสงทอง ต.ทุ่งแสงทอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร รพ.นางรอง หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงบุรีรัมย์ หน่วยกู้ภัยสยามฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียนบุรีรัมย์ จอดอยู่ไหล่ทางสภาพกำลังถูกไฟลุกไหม้เกือบทั้งคัน ใต้ท้องรถพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีแดง กำลังถูกไฟไหม้เสียหายอีก 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยกันดับไฟ จากการตรวจสอบท้ายรถกระบะ พบศพเด็ก 1 ราย ทราบชื่อคือ ด.ญ.กัญญาพร วงศ์งาม อายุ 4 ขวบ ห่างออกไปไม่ไกล พบผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทราบชื่อคือ น.ส.ประภาพร ศรีสุรินทร์ อายุ 22 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ รพ.สต.แห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง และนายอานนท์ ทองจันทร์ อายุ 25 ปี จากการสอบถามทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นครอบครัวเดียวกัน โดย ฝ่ายหญิงและเด็กเป็นแม่ลูกกัน ส่วนฝ่ายชายเป็นสามีใหม่และเป็นพ่อเลี้ยง นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ ด.ต.ขวัญชัย ปัดใจ เป็นอดีตตำรวจ ซึ่งตอนนี้เกษียณอายุราชการแล้ว และเป็นคนขับรถกระบะคันที่ถูกไฟไหม้ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวส่งรักษา ที่ รพ.นางรอง
จากการสอบถาม นายบุญส่ง ศรีสุรินท์ อายุ 62 ปี พ่อของ น.ส.ประภาพร (ผู้เสียชีวิต) เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อเกิดเหตุลูกเขยไม่สบาย ทั้ง 3 คน จึงพากันขับ จยย.ไปหาหมอในตัวเมือง อ.นางรอง คาดว่าพอหาหมอเสร็จคงกำลังจะกลับบ้าน แต่มาถูกรถกระบะชนเสียชีวิตก่อน ตนเสียใจมากไม่คิดว่าจะมาสูญเสียพร้อมกันถึง 3 คน
...
ด้าน น.ส.ธัญญารัตน์ ขานเพราะ อายุ 24 ปี เล่าว่า ตนและ น.ส.ประภาพร ผู้ตาย ทำงานอยู่ที่ รพ.สต.ทุ่งแสงทอง แต่ไม่ทราบว่าวันนี้ผู้ตายเดินทางมาจากไหน ทราบแค่ว่าเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต จึงเดินทางมาดูพอมาเห็นภาพก็ตกใจ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า รถกระบะขับมาจากทาง ต.ทุ่งแสงทอง มุ่งหน้าเข้าตัว อ.นางรอง ส่วนรถ จยย.เพิ่งขับออกจากตัว อ.นางรอง มุ่งหน้ากลับบ้านที่ ต.แสงทอง ส่วนสาเหตุที่รถชนประสานกันนั้น ทางตำรวจจะเร่งสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป