เสียงสะท้อนบางส่วนจากข้าราชการ ตจว. หลัง รบ.เคาะจ่ายเงินเดือน ขรก.ออกเป็น 2 รอบ บางคนโอดกระทบการจ่ายหนี้สิน เผยแบบเดิมดีอยู่แล้ว แนะรัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพดีกว่า ขณะที่บางคนเห็นด้วย-แต่สำหรับคนที่ไม่มีภาระหนี้สิน
เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ ครม.มีมติเห็นชอบแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดิมเดือนละ 1 รอบ เป็น 2 รอบ โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้เหตุผลว่า เพื่อบรรทุกข์ข้าราชการชั้นผู้น้อย จะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน และไม่ต้องรอคอยสิ้นเดือนก็จะมีเงินแบ่งจ่ายออกมาใช้สอย จนกลายเป็นประเด็นที่โลกออนไลน์ให้ความสนใจ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2567
ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถามข้าราชการชั้นผู้น้อยตามต่างจังหวัดบางส่วน ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างต่อเรื่องดังกล่าว โดย นางประไพศิลป ศรีณนงค์ฤทธิ์ อายุ 58 ปี ข้าราชการครู สอนชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย เปิดเผยว่า ความคิดส่วนตัวไม่เห็นด้วย เหตุผลคือการเงินของเราได้เงินเป็นก้อนใหญ่ สิ้นเดือนเราก็จะแบ่งว่ามีอะไรต้องใช้จ่ายบ้าง ถ้ามาคำนึงถึงข้าราชการครูในโรงเรียน ครูใหม่ หรือบรรจุใหม่เงินเดือนน้อย ถ้าสมมติว่ารับเงินเดือน 2 ครั้ง การแบ่งจ่ายใช้ หรือใช้หนี้ก็จะมีปัญหา ซึ่งครูในปัจจุบันแต่ละท่านต้องการที่จะพัฒนาตัวเอง และพัฒนางาน
"การแบ่งจ่ายเงินเดือนแบบนี้จะทำให้เป็นปัญหาสำหรับครูที่มีภาระ เช่น กู้หนี้สหกรณ์ฯ หรือกู้ธนาคาร ปัญหาจะตกหนักไปอยู่ที่คนมีหนี้สินภาระผูกพันกันมา ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ทุกคนมีหนี้สิน ซึ่งการจ่ายเงินเดือนเหมือนเดิมดีอยู่แล้ว ดังนั้นตนจึงอยากให้รัฐบาลไปทำเรื่องอื่นดีกว่า เช่น ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องไหนดีแล้วก็อยากให้คงเอาไว้ ส่วนครูที่จบมาใหม่เงินเดือนประมาณ 15,000 บาท สำหรับข้าราชการครูใหม่ยังมีค่าใช้จ่าย อยากมีอยากได้เพื่อชดเชยให้กับตัวเอง เช่น รถ บ้าน การศึกษา และเครื่องแต่งกาย ปัจจุบันมีแต่วัยรุ่นที่รับราชการ สำหรับครูใหม่ที่มารับราชการเงินเดือน 15,000 บาท การบริหารจัดการเรื่องเงินยังไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้กระทั่งครูเก่าที่บรรจุมานานก็ยังมีปัญหา ดังนั้นตนจึงไม่เห็นด้วยที่จะแบ่งจ่ายเงินเดือนออกเป็น 2 รอบ" นางประไพศิลป กล่าว
...
ด้าน น.ส.สายสุณี ศรีวิเชียร อายุ 58 ปี ข้าราชการครูวิทยาลัยการอาชีพด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย เปิดเผยว่า ตอนที่รู้ข่าวเรื่องแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการออกเป็น 2 รอบ ตนคิดว่าข้าราชการเก่าๆ มีหนี้สินค่อนข้างเยอะ น่าจะได้รับเงินเดือนเหมือนเดิม ส่วนสาเหตุทำไมต้องรับเงิน 1 ครั้งนั้น เพราะข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ได้มีหนี้สินเพียงแค่สหกรณ์ฯ, ธ.ก.ส., หรือกู้ธนาคารต่างๆ เท่านั้น แต่บางคนยังมีหนี้นอกระบบด้วย ดังนั้นการได้รับเงินเดือนเหมือนเดิม จะได้เป็นเงินก้อน เพื่อนำมาแบ่งจ่ายใช้สอยแก้ปัญหาต่างๆ
"สำหรับตนวางแผนการใช้จ่าย มีเงินใช้ตลอดเดือนอยู่แล้ว ถึงจะแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด ก็ไม่มีผลเสียหาย แต่นึกถึงข้าราชการที่ถูกหักเงินเดือน จนกระทั่งเงินเดือนไม่เหลือ ต้องใช้เงินในครอบครัวมาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าประกัน และอื่นๆ อีก แม้กระทั่งส่งลูกเรียน ค่าใช้จ่ายก็ไม่เพียงพอสำหรับเงินเดือนที่มีอยู่ ส่วนเรื่องการจะแบ่งจ่ายเงินเดือนออกเป็น 2 งวดนั้นดีสำหรับผู้ที่ไม่มีหนี้สิน เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย เงินเดือนงวดที่ 1 มีเงินครึ่งหนึ่งเอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย การวางแผนใช้เงินมีเงินเก็บมากกว่า ส่วนข้าราชการใหม่จะไม่มีปัญหา เพราะยังไม่ได้สร้างหนี้สิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการเก่าที่ไปกู้เงินในระบบและนอกระบบ ถ้าถามความคิดเห็นของตน ตนเห็นด้วยที่รัฐจะแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด เพราะตนไม่ค่อยมีหนี้สิน" น.ส.สายสุณี กล่าว
ขณะที่ นางวิลาวรรณ สายชมภู อายุ 75 ปี ข้าราชการครูบำนาญใน จ.บุรีรัมย์ แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้ระบบเดิมคลาดเคลื่อน ทั้งการชำระหนี้อื่นๆ ที่เคยนัดไว้ทุกสิ้นเดือนจะทำอย่างไร เพราะมันเป็นวิถีของราชการมาช้านาน ถ้าจะเปลี่ยนทันทีน่าจะปรับตัวกันยาก เพราะที่ผ่านมาหลังเกษียณอายุราชการมา 15 ปี ได้ไปช่วยลูกสาวจ่ายเงินให้กับแรงงานก่อสร้าง คือ ทุกวันที่ 16 และสิ้นเดือน การที่รัฐบาลจะเปลี่ยนมาจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 งวดนั้น ดูเหมือนจะเป็นเงินแรงงานก่อสร้างหรือไม่
ส่วน น.ส.เอ อายุ 30 ปี ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะแบ่งจ่ายเงินเดือนออกเป็น 2 งวด เพราะไม่ได้ช่วยอะไร เพราะปกติเงินเดือนก็ไม่พอใช้อยู่แล้ว ออกมาตอนไหนก็หมดตอนนั้น จริงๆ แล้วรัฐบาลน่าจะมาช่วยเหลือค่าครองชีพดีกว่า.