คืบหน้า ชาวบ้านออกไปจับตั๊กแตนในสวนป่ามัญจาคีรีแล้วเกิดหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 66 เจ้าหน้าที่ระดมปูพรมค้นหาแต่ก็ไม่พบ เชื่อว่าไม่อยู่ในพื้นที่ ล่าสุดพบเป็นศพห่างจากที่จอดจยย.ไว้ไม่ไกล ตามที่ครูบาไก่มาทำพิธีเปิดป่าช่วยค้นหา และบอกเอาไว้
กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน พร้อมด้วยสุนัขดมกลิ่น ของ ตชด.ปูพรมค้นหา นายพักพงษ์ อุตะมะ อายุ 37 ปี หรือหนุ่ม ชาวบ้านโนนสว่าง หมู่ 13 ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเข้าไปจับตั๊กแตนปาทังก้าโมจีน ภายในสวนป่ามัญจาคีรี พื้นที่บ้านห้วยหินเกิ้ง ม.11 ต.โพนเพ็ก แต่ไม่ได้กลับออกมาพร้อมเพื่อนและขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ก่อนจะยุติการค้นหา โดยสรุปว่าไม่น่าอยู่ในพื้นที่ คาดว่าออกไปนอกพื้นที่เนื่องจากไม่มีวัตถุพยานใดๆ ที่บ่งบอกว่าเสียชีวิตรวม ทั้งกลิ่นด้วย
ขณะที่ พระสุวิทย์ ชินวโร หรือครูบาไก่ เจ้าอาวาสวัดป่าปฐมเทวาราม ได้ลงพื้นที่มาทำพิธีเปิดป่า และนั่งสมาธิสักพัก ก่อนจะบอกกับชาวบ้านลูกศิษย์ที่ติดตามมาว่าอยู่ห่างจากรถจักรยานยนต์ของ นายหนุ่ม ไม่ไกล แต่มีสิ่งลี้ลับบางอย่างบังตาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยออกมา
ล่าสุด เวลา 20.00 น. วันที่ 12 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสงวน ตรวจนอก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ตำบลโพนเพ็ก อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่นว่า มีชาวบ้านที่เข้าไปคล้องแมลงทับ เมื่อช่วงเย็นวันนี้ และพบศพคาดว่าจะเป็นศพชายที่หายตัวไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม คือนายหนุ่ม อายุ 37 ปี สภาพศพแห้งเหลือแต่กระดูก โดยได้สอบถามชาวบ้านที่เข้าไปดูศพก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นศพของนายหนุ่ม คนที่หายตัวไป คาดว่าตายมาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมแล้ว ซึ่งจุดที่ชาวบ้านพบศพนั้น อยู่ไม่ห่างจากจุดที่ นายหนุ่ม จอดรถจักรยานยนต์เอาไว้ แล้วไปจับตั๊กแตนในป่าเพ็ก
...
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอีกว่า จากการสอบถามภรรยาและญาติผู้เสียชีวิต บอกว่าผู้ตายมีโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งคาดว่าจะวูบหมดสติในช่วงที่ไปหาตั๊กแตนกับเพื่อนๆ โดยทางญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมทั้งได้ประสานตำรวจร้อยเวร สภ.มัญจาคีรี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอมัญจาคีรี เข้าตรวจสภาพศพ และกู้ภัยร่วมกตัญญูอำเภอมัญจาคีรีเพื่อนำร่างขึ้นมาจากสถานที่เกิดเหตุ ส่งไปชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตาย
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาครูบาไก่ ต่างพูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า จุดที่พบศพนั้นเป็นไปตามที่ครูบาไก่ได้ลงพื้นที่มาทำพิธีเปิดป่า เพื่อช่วยตามหาผู้สูญหายและบอกกับชาวบ้านว่าอยู่ห่างจากจุดที่จอดรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไม่ไกล โดยมีทั้งพ่อปู่ฤาษีและผู้มีคาถาอาคมต่างเข้ามานั่งสมาธิดูทางใน ส่วนใหญ่บอกว่าอยู่ห่างออกไปเป็น 10 กม. และเป็นผีแม่ม่ายบังตาไว้ พร้อมกักตัวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมาเพราะต้องการจะเอาไปเป็นสามี กระทั่งชาวบ้านมาพบศพห่างจากจุดที่จอดรถจักรยานยนต์ไปประมาณไม่ถึง 100 เมตร
ด้านครูบาไก่ กล่าวว่า วันที่ไปช่วยค้นหานายหนุ่มที่หายตัวไปนั้น เนื่องจากทราบว่าชาวบ้านในพื้นที่ออกติดตามหาหลายวันแล้ว ซึ่งได้พูดคุยกับลูกศิษย์และตัดสินใจออกช่วยตามหาอีกแรง ในวันที่ไปตามหานั้น เป็นช่วงเย็นวันที่ 7 สิงหาคม 2566 โดยได้ทำพิธีเปิดป่า ขอเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขา หรือสิ่งลี้ลับตามความเชื่อของชาวบ้านว่าบังเอาไว้ไม่ให้คนเห็น โดยได้จุดธูปในการทำพิธีแต่จำไม่ได้ว่าบอกกับชาวบ้านหรือลูกศิษย์ลูกหาว่าอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งได้ช่วยตามในป่าโดยมีลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านติดตามช่วยกันค้นหาด้วยแต่ก็ไม่พบ และไม่ได้กลิ่น ซึ่งก็มีเรื่องที่น่าแปลกใจหลายอย่าง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ต้องใช้วิจารณญาณ แต่ในเรื่องนี้ หากผู้สูญหายเสียชีวิตภายในป่า แต่กลับไม่มีกลิ่น ไม่มีใครเห็น และอยู่ห่างจากจุดที่จอดรถจักรยานยนต์ไว้บนทางในป่าประมาณ 100 เมตร แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจทหารฝ่ายปกครองชาวบ้านรวมทั้งสุนัขดมกลิ่นเข้ามาช่วยกันหาแต่ก็ไม่พบ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะบอกว่าแม่นไม่แม่นถ้าแม่นก็คงเจอแล้ว หรืออาจจะมีบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นสิ่งลี้ลับบังตาของชาวบ้านเอาไว้ก็เป็นเรื่องของความเชื่อ
พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พระสุวิทย์ ชินวโร หรือครูบาไก่ เกี่ยวกับกรณีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ยกฟ้องแพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่ทางทนายครูบาไก่ ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท ในความผิดฐานใส่ความคณะสงฆ์ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ครูบาไก่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในเรื่องนี้ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่อง เพราะได้ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยมอบอำนาจให้กับทนายธรรมราช เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ที่มีกระแสมาก็ได้มอบหมายให้กับทางทนายธรรมราช เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดเช่นกัน โดยทางวัดยังคงปฏิบัติกิจของสงฆ์ และเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป
(cr ภาพ : หนุ่มมัญจา ลูกอีสาน)