สสจ.บุรีรัมย์ เปิดแถลง กรณีสาว 39 ปีร้องสื่อ โรงพยาบาลแคนดง ไม่ยอมส่งตัวแม่ไปรักษาต่อ ทำให้แม่ "เจ็บปวดทรมานนานกว่า 40 ชั่วโมงก่อนเสียชีวิต" ยอมรับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ส่วนการเยียวยาจะให้ระบบประกันสังคมเป็นผู้ดูแล ขณะลูกสาวบอก "ไม่เกี่ยวกัน"
วันที่ 26 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี น.ส.นัญชิดา ชมชัยภูมิ อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่สำนักงาน อบต.ดงพลอง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโรงพยาบาล และอยากจะให้เป็นกรณีศึกษาอีกเคสหนึ่ง หลังจาก นางรวง สิทธิวงศ์ อายุ 58 ปี แม่ของตัวเอง เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม ได้รับบาดเจ็บกระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ ไหปลาร้าหัก ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแคนดง อ.แคนดง ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. เวลาประมาณ 08.00 น. และเสียชีวิตเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังขาให้กับ น.ส.นัญชิดา และครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะไม่พอใจการบริหารจัดการด้านการรักษาของโรงพยาบาลแคนดง โดยเฉพาะญาติร้องขอให้ย้ายแม่ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์หลายครั้ง เนื่องจากแม่มีอาการปวดช่องท้องตลอดเวลาตั้งแต่เข้าทำการรักษา แต่โรงพยาบาลไม่อนุญาต อ้างว่ารักษาได้ อาการไม่หนัก ต้องนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดนานกว่า 40 ชั่วโมง จนและเสียชีวิตในที่สุด
ล่าสุด นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เปิดโต๊ะแถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างสุดซึ้ง เบื้องต้นจากการสอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาลแคนดง ทราบว่า ญาติได้ร้องขอให้ย้ายจริง แต่จากการวิเคราะห์ของแพทย์แล้วไม่มีอาการหนัก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ โดยหลังจากนี้จะกำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัด ตรวจสอบและวิเคราะห์ให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะการส่งต่อผู้ป่วยจะต้องทันท่วงที ไม่ให้เกิดกรณีในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
...
สำหรับการเยียวยา เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในระบบประกันสังคม จึงกำชับให้โรงพยาบาลแคนดง ดูแลเรื่องเอกสารของประกันสังคม เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาได้อย่างสะดวก ส่วนกรณีอื่นๆ สาธารณสุขจะประชุมหารืออีกครั้ง
ขณะที่ น.ส.นัญชิดา ลูกสาวผู้ตาย หลังทราบว่าสาธารณสุขให้ไปใช้ระบบประกันสังคม แทนการเยียวยาของกระทรวงสาธารณสุข น.ส.นัญชิดา กล่าวว่า จริงแล้วระบบประกันสังคมเป็นการออมของแรงงาน เป็นสิทธิ์พึงมีพึงได้ของผู้เอาประกันตนอยู่แล้ว กรณีที่ตนร้องไปนั้น ต้องการให้กระทรวงสาธารณสุขออกมารับผิดชอบกับการบริหารจัดการที่ผิดพลาดมากกว่า มันเป็นคนละส่วนกัน จะมาผลักภาระให้หน่วยงานอื่นตนว่าไม่ถูกต้อง