ชัยภูมิเจอแล้งหนัก ตามสวนผลไม้ยืนต้นตาย สับปะรดลูกเล็ก แห้งเหี่ยวไม่มีน้ำรด

ชัยภูมิเจอวิกฤติภัยแล้ง ชาวสวนเงาะโรงเรียน บ้านห้วยหมากแดงเศร้าเห็นผลไม้ยืนต้นตายรับขาดทุนแน่หลายหมื่นบาท ขณะที่สวนสับปะรด บ้านห้วยหมากแดง ไม่มีน้ำรดแห้งเหี่ยวลูกเล็กขายไม่ได้

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้พื้นที่ใน จ.ชัยภูมิ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล สวนไม้ผลหลายอย่างในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ได้รับผลกระทบเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ชาวสวนผลไม้วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งทำฝนเทียม ให้เกิดฝนตกลงเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ให้ผลไม้ในสวนเสียหายตามไปมากกว่านี้

ทีมข่าวลงพื้นที่สวนเกษตรปลูกเงาะโรงเรียน และไร่สับปะรดในพื้นที่ ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ขึ้นชื่อจังหวัดชัยภูมิ พบกับนายมนตรี สมสา อายุ 45 ปี ชาวบ้าน หมู่ 3 บ้านห้วยหมากแดง ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ นำไปดูสวนเงาะโรงเรียนของตัวเองพื้นที่กว่า 10 ไร่ ต้นเงาะประมาณ 150 ต้น ปลูกมาประมาณ 7 ปีที่ผ่าน ที่เริ่มให้ผลผลิตให้ลูกเงาะโรงเรียนเก็บขายได้มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หรือปี 2565 แต่ปีนี้ เกิดฝนทิ้งช่วงและแล้งมาตั้งแต่ต้นปี พบว่าต้นเงาะโรงเรียนออกดอกน้อย หรือต้นไหนที่ออกดอก เมื่อเกิดฝนทิ้งช่วงนานหลายเดือน เกิดภัยแล้งตามมา ต้นเงาะโรงเรียนที่ปลูกไว้กว่า 150 ต้น เริ่มจากดอกร่วง จนถึงขณะนี้ต้นเงาะขาดน้ำหล่อเลี้ยง ใบ ต้นเงาะที่ปลูกมากว่า 7 ปี ได้ประสบกับภัยแล้ง ใบต้นเงาะโรงเรียนเริ่มออกใบสีเหลือง และแห้งเหี่ยวร่วงลงพื้นดิน มาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เกษตรกรชาวสวนเงาะโรงเรียน บ้านห้วยหมากแดง ต.ท่าหินโงม อ.เมืองชัยภูมิ กล่าวว่า ซึ่งขณะนี้ต้นเงาะโรงเรียนเริ่มทยอยยืนต้นตายแล้วจากการขาดน้ำหล่อเลี้ยงจำนวนมาก ปีที่ผ่านไร่สวนต้นเงาะโรงเรียนของตนเองที่เพิ่งให้ผลผลิตปีแรก มีรายได้จากการขายเงาะโรงเรียนและสับปะรดในไร่รวมแล้วกว่า 2 แสนบาท ปีนี้แล้งหนักสวนเงาะของตนเองไม่ให้ผลผลิตเลย เงินลงทุนในการบำรุงต้นเงาะคงไม่ได้คืน ขาดทุนหลายหมื่นบาท

อีกอย่างที่กำลังได้รับผลกระทบภัยแล้ง คือ ไร่สวนสับปะรดที่ปลูกในพื้นที่ จ.เมือง ชัยภูมิ จะปลูกสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย มีพื้นที่ปลูกกว่า 9,000 ไร่ ทุกปีจะให้ผลผลิตมากกว่า 15 ต้น ผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 เข้าโรงงานแปรรูป จังหวัดชลบุรี เพื่อนำไปแปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง และจำหน่ายเป็นสับปะรดบริโภคผลสด ราคาเฉลี่ย 8 บาท/กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของผล สร้างรายได้เข้าพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ปีละกว่า 576 ล้านบาท แต่จากที่เกิดปัญหาภัยแล้งที่ต่อเนื่องยาวนาน ทำให้ต้นสับปะรดขาดน้ำ ขนาดผลเล็กลง และน้ำหนักสับปะรดลดลง ผลผลิตไม่สมบูรณ์

นายสุเมฆ แสนมาตย์ อายุ 49 ปี ชาวบ้าน หมู่ 3 บ้านห้วยหมากแดง ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ไร่สวนสับปะรดของตนมีพื้นที่กว่า 20 ไร่ ที่ทุกปี จะเป็นช่วงที่กำลังให้ผลผลิต ให้ลูกสับปะรดตัดขายส่งโรงงานและขายให้ผู้บริโภคที่พ่อค้าคนกลางจะนำรถมาซื้อถึงสวนแล้ว แต่ปีนี้จากภัยแล้งยาวนานมาตั้งแต่ต้นปี ต้นสับปะรดขาดแคลนน้ำ ต้นสับปะรดไม่เจริญเติบโต และเมื่อออกลูกออกมาจะมีขนาดเล็กมาก มีขนาดใหญ่กว่าผลส้มเล็กน้อยเท่านั้นขายไม่ได้ ไม่มีใครรับซื้อ

ชาวไร่สวนสับปะรด บ้านห้วยหมากแดง กล่าวอีกว่า พื้นที่ ต.ท่าหินโงม อ.เมืองชัยภูมิ ไม่เคยประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วงจนทำให้ไม้ผล ไร่สับปะรด ยืนต้นตาย หรือไม่ให้ผลผลิตเช่นนี้มาก่อน ตนเองลงทุนทำไร่สับปะรดปีนี้หลายหมื่นบาทหรืออย่างน้อย 4 หมื่นบาท ผลผลิตสับปะรดในไร่ตนเองแทบไม่ได้เลย ปีนี้ขาดทุนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ชาวไร่ชาวสวน และชาวนาในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ สิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือคือต้องการให้เกิดฝนตกในพื้นที่โดยเร็ว โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำฝนเทียม หรือฝนหลวง เพื่อให้เกิดฝนตกในพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นไม้ ไร่สวนต่างๆ ไม่ให้ต้นไม้ พืชสวนต่างๆ ล้มตายไปมากกว่านี้.