สาวท้อง 8 เดือน วอนช่วย เชื่อทนายความหลอกเอาเงิน หลังติดต่อให้ช่วยเดินเรื่องขอเอกสารชำระเงินไถ่ถอนที่ดินกับธนาคาร รับปากจะเสร็จใน 1 เดือน แลกค่าดำเนินการ 1.5 หมื่น กลับเรียกเงินเพิ่มเรื่อยๆ ผ่านไป 1 ปี หมดเงินไป 4 หมื่นบาท ไม่มีอะไรคืบหน้า สอบถามทำท่าจะเรียกเพิ่มอีก 

วันที่ 4 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคำพันธ์ จันทะคาม อายุ 64 ปี พร้อม น.ส.วัลภา บุญประกอบ อายุ 35 ปี หลานสาวซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 8 เดือน ชาว ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน 

โดย นายคำพันธ์ กับ น.ส.วัลภา อ้างว่า ได้ถูกทนายความคนหนึ่งหลอกเอาเงิน 40,000 บาท ไปตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2565 เพื่อเดินเรื่องเอกสารรับรองการชำระเงินค่าไถ่ถอนโฉนดที่ดินเนื้อที่จำนวน 16 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา จากธนาคารแห่งหนึ่ง นำไปเป็นหลักฐานในการแบ่งที่ดินให้กับพี่น้องตามความประสงค์ของพ่อ หลังจากพ่อเสียชีวิต ซึ่งได้ตกลงค่าดำเนินการทั้งหมด 15,000 บาท รับปาก 1 เดือนแล้วเสร็จ แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์ กลับมีการเรียกเงินเพิ่ม โดยทนายความอ้างว่า จะนำไปเป็นค่าดำเนินการทางลัดกับทางธนาคาร เพื่อให้ได้หนังสือรับรองจากธนาคารเร็วขึ้น ด้วยความไว้วางใจจึงหลงเชื่อ 

นายคำพันธ์ กับ น.ส.วัลภา กล่าวต่อว่า พวกตนได้ไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง และเงินนอกระบบมาจ่ายเพิ่มอีก 25,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท แต่ผ่านไปกว่า 1 ปี กลับไม่ได้หนังสือรับรองตามที่ทนายกล่าวอ้าง เมื่อโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามทนายความคนดังกล่าว กลับพูดในทำนองเหมือนจะเรียกเงินค่าดำเนินการเพิ่มอีก จึงเชื่อว่าน่าจะถูกทนายความคนนี้หลอกเอาเงินเสียมากกว่า และเชื่อว่าไม่น่าจะได้เดินเรื่องให้จริงตามที่รับปากไว้ 

น.ส.วัลภา เล่าให้ฟังว่า ตา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ ได้เสียชีวิตลงเมื่อประมาณปี 2538 จากนั้นลูกของตาซึ่งมีทั้งหมด 4 คน ได้แต่งตั้งให้ นายคำพันธ์ ลูกชายคนเล็ก เป็นผู้จัดการมรดก ที่ผ่านมาพี่น้องก็ทำไร่ทำสวนในที่ดินแปลงนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน กระทั่งต้นปี 2565 พี่น้องพูดคุยกันว่าอยากจะแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้เรียบร้อย เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ตามความจำเป็นของแต่ละคน แต่พอจะไปทำเรื่องที่สำนักงานที่ดินจังหวัด เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องไปหาหลักฐานหนังสือรับรองการชำระเงินค่าไถ่ถอนที่ดินจากธนาคารมาก่อน เนื่องจากมีการนำโฉนดที่ดินไปเป็นหลักทรัพย์ที่ธนาคารเพื่อกู้เงิน 

...

น.ส.วัลภา กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทางครอบครัวได้มีการชำระหนี้ไปหมดแล้วตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งธนาคารก็มอบโฉนดที่ดินให้คืนแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นชาวบ้านไม่มีความรู้ พอได้โฉนดที่ดินก็กลับบ้าน โดยไม่รู้ว่าจะต้องมีเอกสารรับรองจากธนาคารด้วย จนเมื่อลูกๆ จะทำการแบ่งแยกโฉนดก็ไม่สามารถทำได้ กระทั่งมีคนรู้จักแนะนำให้ติดต่อทนายความคนนี้ เพื่อให้มาดำเนินการขอหนังสือรับรองจากธนาคาร จึงได้มีการมาพูดคุยตกลงกันที่บ้าน โดยตกลงจ่ายเงินค่าดำเนินการ 15,000 บาท ทนายความก็รับปากว่า 1 เดือน ได้หนังสือรับรองแน่นอน แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์ ทนายความกลับเรียกเงินเพิ่มอีก 25,000 บาท โดยอ้างว่าจะให้ธนาคารเพื่อให้ได้หนังสือรับรองเร็วขึ้น ก็พากันหลงเชื่อ ไปหยิบยืมและกู้นอกระบบมาจ่ายเพิ่ม แต่ผ่านไปกว่า 1 ปี กลับยังไม่ได้หนังสือรับรองจากธนาคารตามที่ทนายความกล่าวอ้าง จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก และอยากให้ผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย ที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและสภาทนายความมาแล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวง ผิดมรรยาททนายความหรือไม่ หากเป็นไปได้ก็อยากได้เงินคืน เพราะถือว่าไม่ได้ทำตามที่รับปาก

ด้าน นายคำพันธ์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก บอกว่า ด้วยความที่ตนไม่ค่อยรู้หนังสือและรู้กฎหมาย  จึงหลงเชื่อคิดว่าทนายความจะช่วยได้ จึงยอมไปหยิบยืมเงินญาติและกู้นอกระบบมาจ่ายเป็นค่าดำเนินการให้กับทนายความ และเป็นค่าน้ำมันในการเดินเรื่อง ก็หมดเงินไป 6-7 หมื่นบาทแล้ว แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ที่ดินที่ตั้งใจจะแบ่งแยกให้พี่น้อง จะได้นำไปทำประโยชน์ตามความจำเป็นของแต่ละคนก็ยังทำไม่ได้ แถมมาถูกทนายหลอกซ้ำเติมคนยากจนอีก จึงออกมาร้องขอความเป็นธรรม หากเป็นไปได้ก็อยากได้เงินคืน.