มหาสารคามอากาศร้อนจัดและภัยแล้ง ทำให้ปลาที่เลี้ยงในกระชังในลำน้ำชีน็อกน้ำตายกว่า 10 ตัน ขาดทุนหลายล้าน ขณะที่ประมงอำเภอลงพื้นที่เร่งสำรวจให้ความช่วยเหลือ แจ้งให้ผู้เลี้ยงเร่งขายปลาให้หมด ก่อนจะขาดทุนกว่านี้
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศร้อนจัดของจังหวัดมหาสารคาม ประกอบกับภัยแล้งเริ่มขยายวงกว้าง แล้วส่งผลให้ผู้เลี้ยงปลากระชังที่ลำน้ำชีบ้านกอกหนองบัว ต.หนองบัว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เจอปัญหาปลาน็อกน้ำตายเกลื่อน 10 ตัน เนื่องจากขาดออกซิเจน ขึ้นจากแพกระชังขึ้นบนฝั่งโดยใช้รอกนำปลามากองไว้ เร่งนำมาทำปลาร้าและจำหน่ายในกิโลกรัมละ 10 บาท
นางสาววุฒินี ภู่ระย้า กล่าวว่า ตนเองเป็น 1 ในกลุ่มเลี้ยงปลากระชังที่น็อกน้ำตายเกลื่อน ซึ่งตนเลี้ยงปลานิลขาย 30 หลุม หลุมละ 800 ตัว รวมประมาณปลา 24,000 รวมทั้งค่าอาหาร ลงทุนเกือบ 1,000,000 (หนึ่งล้านบาท) แต่มาประสบปัญหาปลาน็อกน้ำตายเกลื่อนไปซะก่อน เนื่องจากเขื่อนระบายน้ำหนองหวาย กว่าจะมาถึงที่นี่ ก็จะมีบานประตูระบายน้ำบ้านกุยเชือก ที่จะดูแลน้ำในส่วนตรงนี้ หลังเกษตรกรเดือดร้อนได้มีการเปิดประตูน้ำลงให้ 5 ซม. แต่กลางคืนจะปิดประตู แต่เกษตรกรบอกว่า กลางคืนปิดไม่ได้ เพราะไม่มีออกซิเจน เมื่อถึงในช่วงเช้าเห็นปลาตายเกลื่อนเต็มกระชัง เกษตรกรเร่งน้ำปลาตายที่น็อกน้ำ เนื่องจากขาดออกซิเจน ขึ้นจากแพประชังขึ้นบนฝั่งโดยใช้รอกนำปลามากองไว้และเร่งตัดหัว ขอดเกล็ด และทาเกลือนำมาทำปลาร้า และจำหน่ายใน กก.ละ 10 บาท ปลานิลสดจะจำหน่ายในราคา 60-65 บาท ล่าสุด เกษตรกรได้น้ำสายต่อออกซิเจน เพื่อไปหล่อเลี้ยงปลาในส่วนที่เหลือ
...
ขณะที่ นายยงยุทธ สุดมี กลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง (หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง สำนักงานประมง) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมหาแนวทางแก้ไข สาเหตุที่ปลากระชังตาย เหตุมาจากคาดว่าน้ำในลำชีมีน้อย การเคลื่อนไหวของน้ำไม่ค่อยมีออกซิเจน ช่วงเวลากลางคืนไม่มีแสงแดด ต้องการออกซิเจนสูง ประกอบกับปลามีขนาดใหญ่ ต้องการออกซิเจนสูง จึงทำให้ปลาขาดออกซิเจน น็อกน้ำตาย 1 กระชัง จะมีน้ำหนัก 700-800 กิโลกรัม และเร่งประชาสัมพันธ์ให้กับเกษตรกรเร่งเก็บปลากระชังออกจำหน่าย ก่อนที่ปลากระชังจะขาดออกซิเจน และประสบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ปลากระชังตาย.