ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ ลงพื้นที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ หารือสหวิชาชีพ ตำรวจ พม. เพื่อเยียวยาและนำเด็กหญิง 7 ขวบ เหยื่อถูกกระทำทางเพศ รวมทั้งเด็กชาย 10 ขวบ ผู้ก่อเหตุซึ่งยังไร้วุฒิภาวะ ให้กลับมาอยู่ในสังคมได้ตามปกติ 


ความคืบหน้าเด็กนักเรียนหญิง ป.1 ที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ถูกรุ่นพี่ ป.3 ขืนใจในห้องน้ำ โดยมีเพื่อนผู้หญิงอายุ 7 ขวบ อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผู้ปกครองเดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับมูลนิธิปวีณาฯ ล่าสุด นางปวีณา หงสกุล ลงพื้นที่พบกับสหวิชาชีพ แก้ไขปัญหาเยียวยาเด็กทั้ง 2 คนให้อยู่ในสังคมได้อย่างปกติ

วันที่ 2 ก.พ. 66 ที่สำนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับหัวหน้าพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าบ้านพักและครอบครัว ผกก.สภ.บัวเชด คนใหม่ พร้อมแม่ของเด็กหญิง เพื่อบูรณาการร่วมกันทั้งในระดับครอบครัวและผู้นำชุมชน และโรงเรียน เพื่อให้การเยียวยาเด็กทั้ง 2 คน เพื่อให้มีชีวิตอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข

จากนั้นได้เดินทางไปที่ สำนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ พบเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการคุ้มครองเด็กในคดีอาญา จังหวัดสุรินทร์ พบเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพ เพื่อร่วมกับสอบปากคำเด็กถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วไปที่ สภ.บัวเชด ประชุมร่วมกับตำรวจ ผู้นำชุมชน ครู ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 คน

นางปวีณา กล่าวว่า มีการเยียวยาช่วยเหลือเด็กชายและเด็กหญิง ซึ่งช่วงนี้สุขภาพจิตของน้อง (เด็กผู้หญิง) ดีขึ้น ซึ่งทาง พมจ.จังหวัดสุรินทร์ จะเข้ามาดูแลด้านจิตใจของแม่และลูกก็คงสบายใจขึ้น วันนี้ได้พาน้องกลับบ้าน หลังจากไปอยู่มูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งทางตำรวจได้นัดกับสำนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ และกลุ่มสหวิชาชีพ ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม การเยียวยาสภาพจิตใจ เราให้ความสำคัญเด็กทั้ง 2 คน เพราะทั้ง 2 คนเป็นเด็กไม่มีวุฒิภาวะ

...

“ทาง พมจ.จังหวัด, ตำรวจ, ยุติธรรมจังหวัด, มูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกันบูรณาการในการทำงานร่วมกัน เยียวยาร่วมกัน ในหมู่บ้านก็จะมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการโรงเรียน และ รอง ผอ.สพฐ. ก็มอบหมายให้ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ห่วงเด็กอยากให้เขามีอนาคตที่สมบูรณ์ และชีวิตเข้าสู่ภาวะปกติทั้ง 2 ฝ่าย”

ด้าน พ.ต.อ.รัฐวิชญ์ อนันต์ดิลกฤทธิ์ ผกก.สภ.บัวเชด กล่าวว่า วันนี้นำเด็กมาสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ หลังจากนี้ก็จะกลับไปคุยกับฝ่ายเด็กชาย สอบปากคำและพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ แบ่งเป็นสองกรณี กรณีแรกเรื่องสำนวนทางตำรวจทำหน้าที่อย่างเร็วที่สุดจะได้เยียวยาเด็กทั้งสองคน อีกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องตัวเด็ก ซึ่งมีทีมของ พมจ.จังหวัดสุรินทร์ กับมูลนิธิปวีณาฯ ยุติธรรมจังหวัดสุรินทร์ ดูแลไม่น่ามีปัญหาอะไรการสอบปากคำพยานแวดล้อมไม่ยุ่งยากอะไรทางคดีไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาคือเรื่องของเด็ก ส่วนสำนวนก็เดินตามลำดับอยู่แล้ว

ขณะที่ นางสาวพัทธิอร กาฬสุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ทาง พมจ.จะประเมินสภาพครอบครัวทั้งเด็กชายและเด็กหญิงในการที่จะอยู่ร่วมกันในชุมชนอยู่ได้หรือไม่ ในระยะแรกถ้าอยู่ไม่ได้ก็จะให้อยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวสุรินทร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเด็กเป็นอยู่ตัดสินใจเอง แต่เรามีวิธีการที่จะคุ้มครองดูแลเด็ก ต่อจากนี้ไม่ว่ากระบวนการจะสิ้นสุดอย่างไรเราจะดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กทั้ง 2 คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในสังคมได้ ในชุมชนก็จะมีผู้นำชุมชนในพื้นที่ ฝ่ายปกครองผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรืออาสาสมัคร มีความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย และผู้นำก็วางตัวเป็นกลางกัน ให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การเจรจาไกล่เกลี่ยก็มีคนพร้อมในการเจรจา พมจ.สุรินทร์ ก็ลงพื้นที่ประเมินสภาพเหตุการณ์ มีการวางแผนพร้อมแนวทางการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นได้มีการพูดคุยเด็กว่าจะอยู่บ้านตนเอง หรือบ้านพักเด็ก แม่คุยกับอดีตผู้ใหญ่บ้าน ยินดีให้ไปอยู่บ้านในครอบครัว คุยกันแล้วเขาบอกว่าอยู่ได้ ทางชุมชนก็บอกว่าไม่มีปัญหา ซึ่งก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขา เราเคารพการตัดสินใจของเขา ถ้าอยู่ไม่ได้ก็มาอยู่บ้านพักเด็กและครอบครัวสุรินทร์ เราพร้อมให้การดูแล.