ผู้ว่าฯ ขอนแก่น ตั้ง กก.ร่วมสอบข้อเท็จจริงภาพลับครูบาไก่ พี่ชายยัน ครูบาไม่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ย้ำตัวเองไม่ได้ขัดแย้งกับอิคคิว ส่วนอดีตลูกศิษย์เผยมือที่จับอวัยวะเพศเป็นมือครูบาจริง
กรณี นางสาววาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว อายุ 33 ปี ได้มีการแถลงระบุว่า ตัวเองเป็นโยมอุปัฏฐากของพระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ วัดป่าปฐมเทวาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ได้ประมาณ 2 ปี ก่อนออกมาเปิดโปงพฤติกรรมของ ครูบาไก่ ว่ามีภาพและคลิปภาพของลับของครูบาไก่ที่ถ่ายรูปของลับมาโชว์และการพูดคุยกับวัยรุ่นผู้ชาย ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์กับครูบาไก่ โดยระบุว่า ที่ออกมาเปิดโปงไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี สร้างเรื่อง แต่เป็นเรื่องจริงตามหลักฐานที่มีในมือ หากญาติโยมของครูบาไก่จะโกรธเคืองก็ไม่ว่า เพราะเป็นการออกมาปกป้องศาสนา และที่พูดเพราะมีหลักฐาน ทั้งแชตลับที่ครูบาไก่คุยกับพระ และคุยกับหนุ่มวัยรุ่นที่มีการพูดคุยในลักษณะถึงการหึงหวงต่างๆ และถ้าจะให้ทนายความรวบรวมหลักฐานมาฟ้อง ตนก็จะฟ้องกลับเช่นกัน จนเป็นข่าวไปแล้วนั้น
...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดป่าปฐมเทวาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น วัดครูบาไก่ แต่พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร ครูบาไก่ อายุ 30 ปี ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม ไม่อยู่ที่วัด มีเพียงพระสงฆ์รูปอื่นๆ และญาติโยม รวมถึง นายรัชพล เก่งกว่าสิงห์ อายุ 50 ปี พี่ชายของครูบาไก่ เท่านั้น
พี่ชายของครูบาไก่ เปิดเผยถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับนางสาววาสนา หรืออิคคิว โยมสายบุญที่ออกมาแฉ ครูบาไก่ ชอบเลี้ยงผู้ชาย จนมีภาพลับออกมา รวมทั้งเปิดเผยถึงการสร้างวัตถุมงคลและรายได้ที่เกี่ยวข้องกับวัดป่าปฐมเทวาราม ว่า ตนเองเป็นพี่ชายแท้ของครูบาไก่ ช่วงโควิดที่ผ่านมาได้เดินทางมาอยู่กับน้องชายที่วัดป่าแห่งนี้ ช่วยงานในวัดทุกอย่างเท่าที่ทำได้ กระทั่งได้มีสายบุญชื่ออิคคิวและบุ๋มเข้ามาทำบุญที่วัด และสนใจการสร้างวัตถุมงคล จึงได้มีการพูดคุยกัน และพูดคุยกับครูบาไก่ ซึ่งครูบาไก่ไม่ขัดข้อง โดยอิคคิวและบุ๋มจะเป็นฝ่ายประสานงานกับโรงงาน และจ่ายเงินค่าสร้างวัตถุมงคลในทุกๆ รุ่น
นายรัชพล กล่าวว่า ยอมรับว่าอิคคิวและบุ๋มเข้ามาทำบุญที่วัดและสร้างวัตถุมงคล มีการจ่ายเงินสำรองล่วงหน้า เพราะทางวัดไม่มีทุน และเมื่อมีงานบุญ ขายวัตถุมงคลได้ จึงจะได้หักค่าใช้จ่ายคืนทั้งสองคน และทำเช่นนี้เรื่อยมา จนกระทั่งมีการสร้างวัตถุมงคลรุ่นล่าสุดที่โรงงานส่งสินค้ามาให้ แต่ส่งมาไม่ครบ จึงถามสองคนนั้นไป แต่ไม่มีคำตอบ รวมทั้งมีคำครหาต่างๆ ตามมาถึงตนที่เป็นพี่ชายครูบาไก่ในทางที่ไม่ได้ จึงออกจากวัดไป เพราะเกรงจะทำให้ครูบาเสื่อมเสีย วัดเสียชื่อเสียง
พี่ชายครูบาไก่ กล่าวต่อว่า ตนกลับบ้านไปดูแลครอบครัวประมาณ 1 ปี จึงทราบว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับครูบาไก่ก่อนจะเป็นข่าว จึงรีบติดต่อกับครูบาไก่ ก็ได้มีการพูดคุยกับครูบาไก่ ซึ่งครูบาไก่บอกว่า ไม่ติดใจ ไม่อยากยุ่งกับทางโลกแล้ว ไม่เอาเรื่องใครใดๆ ทั้งสิ้น และขอไปเข้าถ้ำ เมื่อเดินทางถึงวัดในช่วงกลางคืนวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมาก็ไม่เจอครูบาไก่แล้ว ซึ่งได้ทราบจากทางญาติโยมว่าครูบาไก่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำ บอกลูกศิษย์ลูกค้าไว้ว่าไม่อยากจะยุ่งเรื่องทางโลก ฝากให้ทางลูกศิษย์ลูกหาและทางวัดจัดการกันไป แต่เชื่อว่าในเร็วๆ นี้ครูบาไก่น่าจะกลับมา
นายรัชพล กล่าวอีกว่า ตนจากวัดไปเงียบๆ ไม่เคยตอบโต้ แต่อีกฝ่ายไม่หยุด กลายเป็นช่องว่างให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวครูบาไก่และเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น แต่เชื่อว่าคนที่มีธรรมจะมองเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอะไรจริงอะไรไม่จริง แม้แต่คนที่ไม่รู้จักพระครูบาไก่ ก็จะรู้จริง เพราะตามอุปนิสัยของคนที่ทำบุญเราไม่ถูกจริตของพระองค์ใดเราก็แค่ไปที่อื่นก็ไปทำบุญที่อื่น ซึ่งเป็นพื้นฐานของคนที่มีจิตใจเป็นบุญอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หนักพอสมควร ก่อนหน้านี้ตนเองเคยเตือนครูบาไก่ไว้แล้วว่า ให้ระวังเพราะสองคนนี้เคยทำกับตนเองมาแล้ว ก็ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับครูบาไก่ และก็เกิดขึ้นจริงๆ และในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเงินทางวัดนั้น เท่าที่ทราบ อิคคิวกับบุ๋มจะสำรองเงินจ่ายในด้านต่างๆ ให้กับทางวัดก่อน เมื่อมีเงินทางวัดก็จะคืนให้ จึงไม่ทราบว่าเงินกฐินเจ็ดแสนกว่าบาทที่ครูบาให้กับทั้งสองคนไปนั้นเป็นการใช้หนี้ หรือให้นำไปมุงหลังคาวิหาร เพราะยังไม่ได้มีการพูดคุยกับครูบาไก่
"หากจะพูดถึงการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ครูบาไก่ ตนก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่มีหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะตนตัวเองคนเดียวคงไม่สามารถที่จะไปบอกให้คนโน้นคนนี้เชื่อตามที่ตนเองต้องการได้ อะไรที่เป็นหลักฐานอะไรที่คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องจริง ก็ให้นำออกมาแล้วเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย และถ้าเป็นเรื่องของพระของสงฆ์ ก็ควรเข้าสู่กระบวนการของทางคณะสงฆ์ ส่วนทางโลกสิ่งที่เขาทำก็จะเป็นเรื่องของญาติโยมคนที่เคารพศรัทธาพระครูบาไก่ และในกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ก็มีทนายจากหลายคนติดต่อมาว่าอยากจะมาช่วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครแต่ก็อยู่ในการพูดคุยพิจารณาในส่วนที่จะสามารถดำเนินการได้ตามกฏหมาย หรือตามสิทธิ์ มาถึงวันนี้ตนเองเสียใจที่ไม่น่าตัดสินใจที่จะเดินออกจากวัดมาในช่วงที่เกิดปัญหา เพราะถ้าตนอยู่ก็คงจะไม่เกิดปัญหาร้ายแรงขนาดนี้ แต่ส่วนหนึ่งตนเองก็ต้องดูแลครอบครัวตนที่จังหวัดปทุมธานีด้วย"
...
นายรัชพล พี่ชายครูบาไก่ กล่าวถึงความสัมพันธ์กับอิคคิวและบุ๋มว่า ส่วนตัวกับอิคคิวและบุ๋มไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน การขายวัตถุมงคลต่างๆ นั้นตนเองไม่ได้กำหนดราคา ไม่ได้ขอเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่ง ก็มีแค่พูดให้กันฟัง และแจ้งให้ครูบาไก่ทราบ เพราะโดยนิสัยของครูบาไก่ ใครเสนออะไรมาก็เอาด้วยทั้งหมด ใครอยากทำบุญอะไรก็เปิดโอกาสให้ทำ ส่วนเรื่องทางเพศหรือเรื่องชอบผู้ชายผู้หญิงนั้น ในฐานะพี่ชายครูบาไก่อยู่กับน้องเห็นน้องตลอดไม่เคยมีเรื่องหรือพฤติกรรมอะไรที่บ่งบอกไปว่าชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิง และไม่มีพฤติกรรมจะเบี่ยงเบนอะไร
ในขณะเดียวกันได้มี นายธันยบูรณ์ จิตรเฉย อายุ 28 ปี เคยเป็นลูกศิษย์ของครูบาไก่ ได้ออกมายืนยันมือที่จับของลับโชว์ว่า เป็นมือของครูบาไก่จริง เพราะตนเคยอยู่ใกล้ชิดกับครูบาไก่มานานกว่า 8 ปี ทำให้รู้จักนิสัยของครูบาไก่เป็นอย่างดี รวมทั้งรูปร่างผิวพรรณของครูบาไก่
...
นายธันยบูรณ์ กล่าวอีกว่า กลุ่มเพศทางเลือกรวมถึงกลุ่มพระต่างๆ ทราบดีว่าครูบาไก่นั้นเป็นอย่างไร มีคนมาถามว่าทำไมไปอยู่วัดเดียวกับครูบาไก่ได้ และครูบาไก่ให้เงินเดือนละเท่าไร จึงตอบไปว่าตนไม่ได้เงินเดือนแม้แต่บาทเดียว แต่อยู่ด้วยเพราะใจที่ศรัทธา และไม่เคยที่จะเอาเงินจากครูบาไก่ เพราะคนอื่นคงคิดว่าคนที่มาเป็นเด็กวัดจะได้เงินทุกคน
“จากการสังเกตเวลาที่อยู่วัดกับครูบาไก่พบว่าจะมีหนุ่มหน้าตาดีรวมทั้งกลุ่มเพศทางเลือกได้เข้ามาที่วัดเพื่อมากราบไหว้ครูบาไก่เนื่องจากมีการร่ำลือว่าครูบาไก่หน้าตาดี ในส่วนของวัตถุมงคลที่วัดได้นำมาให้เช่านั้น ตนไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ก็มีญาติโยมมาเช่าซื้อกันทุกรุ่น แต่ก็สังเกตว่าเงินที่ได้จากการเช่าวัตถุมงคลจำนวนมาก แต่ไม่มีการนำเงินมาสร้างพระวิหารให้แล้วเสร็จ มีแต่การต่อเติมกันไปเรื่อยไม่เสร็จสักที รวมทั้งเงินที่ญาติโยมนำมาถวายนับล้านบาท แล้วเงินไปไหนหมด ยังไม่รวมทองน้ำหนัก 188 บาท ที่มีการขอรวบรวมเพื่อนำมาหล่อพระลอยองค์ไว้ใต้ฐานพระในพระอุโบสถ ก็ไม่มีการพูดถึงอีก”
ในขณะเดียวกันเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงเหตุการณ์ที่อดีตโยมอุปัฏฐากได้ออกมาร้องเรียนถึงพฤติกรรมของครูบาไก่ เจ้าอาวาสวัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนั้น
...
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้นายพันเทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และ นายติราช นาถปุญโญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เป็นคณะร่วมในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยได้ให้ไปหารือกับสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นฝ่ายธรรมยุต “เนื่องจากครูบาไก่นั้นสังกัดธรรมยุต โดยเบื้องต้นจะให้ทางดำเนินการไปตามระเบียบของคณะสงฆ์ เพราะขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่จะสามารถตัดสินว่าครูบาไก่ผิดจริง ซึ่งกระบวนการตรวจจะต้องใช้เวลา และทางสำนักเจ้าคณะจังหวัดธรรมยุตยังต้องการหลักฐานจากฝ่ายที่ออกมาร้องเรียนเพื่อที่จะได้นำไปเป็นหลักฐาน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของทางคณะสงฆ์ที่จะพิจารณาหากมีความผิดจริง ส่วนจะมีการ้องขอทางจังหวัดเพื่อเข้ามาช่วยตรวจสอบนั้น ทางจังหวัดก็พร้อมเข้าไปร่วมด้วย ขณะนี้ทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นได้ประสานไปยังเจ้าคณะอำเภอมัญจาคีรีเพื่อขอทราบรายละเอียดแล้ว”.