อธิการบดี เผย มข.อยู่ในความดูแลของรัฐ กรณีค่าเยียวยารถบัสคณะพยาบาลชน นศ.แพทย์ ปี 2 ที่เรียกร้อง 66 ล้านบาท พิจารณาจ่ายเองไม่ได้ต้องศาลสั่งเท่านั้น ลั่นยกเครื่องระบบจราจร และความปลอดภัยใหม่
จากกรณีที่ นางนิตยา รุ่งสถิต อายุ 55 ปี มารดาของ น.ส.อรุณนภา วัฒนพานิช หรือน้องอาย อายุ 19 ปี นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสของคณะพยาบาลศาสตร์ ชนจนเสียชีวิต ขณะเดินทางไปเรียนที่บริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ มข.เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ส.ค.2565 ที่ผ่านมานั้น
หลังเกิด มข.และคณะพยาบาลศาสตร์ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้นัดพูดคุยในการที่จะช่วยเหลือครอบครัวคนตาย โดยมี รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและนักศิษย์เก่าสัมพันธ์ เป็นฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ ผศ.ดร.พักตร์วิไล ศรีแสง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยมี พ.ต.อ.ปรีชาเก่งสารกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.สุพรรณ สุขพิไลกุล รอง ผกก.สอบสวน และพนักงานสอบสวน ร่วมรับฟังการเจรจาของทั้งสองฝ่าย ซึ่งทาง มข.ให้ครอบครัวคนตาย เรียกร้องค่าเยียวยา มารดาคนตายจึงเรียกร้อง หากน้องอายเรียนจบแล้วได้เป็นแพทย์ จนถึงเกษียณราชการ อายุ 60 ปี จะได้ค่าจ้างวันละ 5,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 66 ล้านบาท ซึ่งผลการพูดคุยยังไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะ มข.ให้เหตุผลว่าจะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมของ มข.และ มข.จะนำเข้าที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยตามขั้นตอน และนัดฟังคำตอบอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 ส.ค.2565 ที่สำนักงานอธิการบดี ชั้น 6 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ ผศ.ดร.สมพงษ์ สิทธิพรหม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายรักษาความปลอดภัย ผศ.ดร.พักตร์วิไล ศรีแสง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ และผู้แทนคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันประชุมหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว น.ส.อรุณนภา วัฒนพานิช หรือน้องอาย อายุ 19 ปี นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสของคณะพยาบาลศาสตร์ มข. ชนจนเสียชีวิต
...
ภายหลังการประชุม รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากนักศึกษาเป็นสมาชิกเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของมหาวิทยาลัยและเป็นเยาวชนที่เป็นอนาคตที่สำคัญของประเทศ หลังจากนักศึกษาเสียชีวิตผู้เกี่ยวข้องของมหาวิทยาลัย คือ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัย ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของนักศึกษา และได้ร่วมกับครอบครัวของนักศึกษาในการจัดงานบำเพ็ญกุศล โดยคณะพยาบาลศาสตร์ได้จัดเตรียมงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกวันจนถึงพิธีฌาปนกิจ และมหาวิทยาลัย ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวนักศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยมีหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการจ่ายเงินช่วยเหลือ กรณีนักศึกษาประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต จำนวน 130,000 บาท ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ได้เป็นเงื่อนไขว่า จะไม่สามารถเรียกเงินสินไหมทดแทน หรือเงินชดเชยได้อีก แต่เป็นการช่วยเหลือตามประกาศของมหาวิทยาลัยเท่านั้น”
“กรณีที่ได้มีการเรียกเงินสินไหมทดแทนการเสียชีวิต 66 ล้านบาทนั้น มหาวิทยาลัยเข้าใจ และเห็นใจครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ การจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายในกรณีที่พนักงานของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก จะกระทำได้ 2 วิธี คือ ดำเนินการตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หรือโดยคำสั่งของศาลเท่านั้น ซึ่งในเรื่องดังกล่าวผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะได้แจ้งให้ครอบครัวนักศึกษาได้ทราบต่อไป” อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าว
รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวอีกว่า ขอเรียนชี้แจงว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก มข. มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มากกว่า 5 พันไร่ ในแต่ละวันมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์สัญจรมากกว่า 50,000 คัน ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้มีการปรับปรุงทางกายภาพและวางระบบความปลอดภัยทางจราจรมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกิดเหตุมหาวิทยาลัยมีโครงการความปลอดภัยทางการจราจร 2 โครงการ ได้แก่ โครงการประตูอัจฉริยะ ประกอบด้วย การติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่ออ่านป้ายทะเบียน และเครื่องแขนกั้นอัตโนมัติควบคุมประตูเข้า-ออกมหาวิทยาลัย เพื่อลดปริมาณรถที่วิ่งเข้ามาในพื้นที่มหาวิทยาลัยโดยไม่จำเป็นเพื่ออาศัยเป็นเส้นทางผ่านไปที่อื่น และ โครงการจำกัดความเร็วรถยนต์ โดยติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วพร้อมจอแจ้งเตือนเพื่อจำกัดความเร็วของรถในมหาวิทยาลัย
อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้กำหนดความเร็วของรถยนต์ในพื้นที่มหาวิทยาลัย ไม่เกิน 50 กม. /ชม. และในทางร่วมทางแยก ไม่เกิน 30 กม./ชม. เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นครั้งนี้ จนนักศึกษาแพทย์เสียชีวิต หาวิทยาลัยขอนแก่นจึงได้มีมาตรการเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยทำโครงการติดตั้งไฟจราจรเพิ่มในมหาวิทยาลัยในจุดที่เกิดเหตุ และในทางร่วมทางแยกจะมีการนำระบบการควบคุมสัญญาณไฟจราจร โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาช่วยบริหารจัดการให้การเคลื่อนที่ของรถมีความต่อเนื่องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น.