กลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านโนนสวรรค์ รวมกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์จนได้รับสัญลักษณ์ GI จากกระทรวงพาณิชย์ เป็น "ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี" ที่เม็ดยาว กลิ่นหอม มีความเหนียวนุ่ม จากยางข้าวเหนียวปนเล็กน้อย

ผู้สื่อข่าวราวรายงานว่า ข้าวหอมมะลิ เป็นข้าวที่ต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศ ยิ่งเป็นข้าวหอมมะลิที่ได้รับการยกระดับถึงสิ่งบ่งชี้ด้านภูมิศาสตร์ของแหล่งกำเนิด ก็เป็นเครื่องรับรองถึงคุณภาพของข้าวที่กินเข้าไปมีทั้งคุณภาพ ดีต่อสุขภาพ จนไม่พอขาย ทำให้ชาวนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพข้าว นำไปสู่การยกระดับรายได้ในครัวเรือน ต้องควบคุมคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดข้าวในอนาคต ตามมาตรฐานการรับรองคุณภาพของ CI กระทรวงพาณิชย์

สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง มีภูมิศาสตร์ เป็นที่ราบลุ่ม และที่ดอน สูงจากระดับน้ำทะเล 140-180 เมตร พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยป่าไม้ มีแหล่งน้ำทางธรรมชาติได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำชี ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมน้อย และลำโดมใหญ่ พื้นดินเป็นดินร่วนปนทราย เหมาะแก่การเจริญเติบโตของข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี อีกทั้งยังตั้งอยู่ในพื้นที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน มีฝนตกชุกโดยทั่วไป มีปริมาณฝนทั้งปีระหว่าง 1,600-1,800 มิลลิเมตร ทำให้ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี มีคุณลักษณะแตกต่างจากข้าวหอมมะลิ จังหวัดอื่นๆ คือ ข้าวมีเมล็ดเรียวยาว เนื้อข้าวมีความเหนียว ถ้าเป็นข้าวขาว จะมีสีขาวใส เป็นเงา มันวาว มีความยาวของเมล็ดข้าวมากกว่า 7 มิลลิเมตร

...

จากคุณสมบัติเฉพาะของภูมิประเทศ ทำให้ “ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี” ได้รับรองมาตรฐานและขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เป็น “ข้าวหอมมะลิ อุบลราชธานี” ในปี พ.ศ. 2559 โดยปีการผลิต 2563 จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปีกว่า 1,428,830 ไร่ ส่วนนาปรังกว่า 176,536 ไร่ โดยให้ผลผลิตต่อไร่ราว 482 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมีนโยบายผลักดันข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี เป็นสินค้า GI หนึ่งใน 18 แห่ง สินค้า GI อีสานสู่สากล เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องคุณภาพข้าวหอมมะลิอุบลราชธานีให้ผู้บริโภค

นายประชัน คุ้มหินลาด ผู้ใหญ่บ้านกลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านโนนสวรรค์ ต.สำโรง อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่ เพราะอดีตการทำนาเกษตรกรในหมู่บ้านโนนสวรรค์และหมู่บ้านใกล้เคียง มีการใช้ปุ๋ยเคมีกันมาก นอกจากมีต้นทุนการผลิตสูง ยังสร้างผลเสียให้กับคุณภาพดิน สิ่งแวดล้อม และคนปลูกข้าว เมื่อหลายปีก่อน จึงรวมกลุ่มกันผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีสมาชิกเข้าร่วมจำนวน 23 ราย รวมพื้นที่ปลูกกว่า 170 ไร่ จนได้รับสัญลักษณ์เป็นข้าว GI จากกระทรวงพาณิชย์ เพราะความตั้งใจที่ร่วมกันพัฒนาคุณภาพข้าวและคุณภาพชีวิตจากรายได้ที่มากขึ้น ปัจจุบัน "ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี" จำหน่ายข้าว 3 ประเภท คือ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และ กข15

ผู้ใหญ่บ้านกลุ่มข้าวอินทรีย์บ้านโนนสวรรค์ กล่าวต่อว่า สำหรับเอกลักษณ์ของข้าวอินทรีย์บ้านโนนสวรรค์ เมื่อนำมาหุงสุก จะมีกลิ่นหอม มีความเหนียวนุ่ม จากยางข้าวเหนียวปนเล็กน้อย เพราะชาวบ้านยังมีการปลูกข้าวเหนียวกินเอง ตามวัฒนธรรมของคนอีสาน ทำให้มีการเจือปนของพันธุ์ข้าวสองชนิด ตั้งแต่อยู่ในแปลงนา ทำให้ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ บ้านโนนสวรรค์ กลายเป็นข้าวที่มีลักษณะเด่นกว่าที่อื่น และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ปัจจุบันข้าวที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ นอกจากขายในจังหวัด ก็ส่งออกไปประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งกำลังผลิตขณะนี้ ยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการของตลาด

...

นายประชัน กล่าวอีกว่า นอกจากเกษตรกรบ้านโนนสวรรค์ จะผลิตข้าวอินทรีย์จนได้รับตรา GI แล้ว ยังมีการทำโครงการโคก หนอง นาโมเดล ตามรอยพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง โดยการทำไร่นาส่วนผสม เลี้ยงสัตว์ไว้บริโภคเอง เมื่อมีเหลือก็นำออกจำหน่ายให้แก่ผู้ต้องการ ทุกวันนี้ นอกจากไม่มีต้นทุนจากสารเคมีที่นำมาใช้เพาะปลูกแล้ว ยังทำให้สุขภาพของคนปลูกข้าวดีขึ้น และมีรายได้เข้าสู่ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ ตลอดทั้งเดือน ตลอดทั้งปีด้วย.