คดีพิลึก ยายวัย 70 ชาวสกลนคร ถอน ”ข่า” ไปต้มจิ้มน้ำพริก โดยคิดว่าเป็นที่ดินสาธารณะ แต่เจอข้อหาลักทรัพย์ เพราะที่ดินมีเจ้าของ คู่กรณีนำโฉนดยืนยัน ตำรวจเรียกเคลียร์แล้ว 2 รอบ แต่ตกลงกันไม่ได้ เจ้าของที่เรียกค่าเสียหาย 5 พัน แต่ยายไม่มีเงิน และพร้อมสู้ในชั้นศาล
กรณี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 นางฉวีวรรณ ไทยเหนือ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 10 ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร มาพบ ร.ต.อ.ภัทรดร จันทบุตร พนักงานสอบสวน
สภ.พังโคน ตามหมายเรียก หลังตกเป็นผู้ต้องหา ในข้อหา "ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป"
โดยพฤติการณ์แห่งคดี คดีนี้ นางฉวีวรรณ ไทยเหนือ ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ทะเบียน กรด 302 สกลนคร มาบริเวณที่เกิดเหตุ และได้เข้าลักข่าในโฉนดที่ดินเลขที่ 4424 เล่ม 140 หน้า 24 อ.พังโคน จ.สกลนคร ของนางนัดดา ภัทรพิสุทธิ์ อายุ 64 ปี ผู้กล่าวหา ต่อมาผู้กล่าวหาได้ไปพบนางฉวีวรรณ ขณะทำการลักข่าอยู่ มีการพูดคุยแต่ทะเลาะกัน แล้วนางฉวีวรรณ ได้เอาข่าที่ขุดขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไป ผู้กล่าวหาได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนางฉวีวรรณ และได้เข้าพบพนักงานสอบสวน อันเป็นความผิดฐาน "ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป" เหตุเกิดวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 16.30 น. การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ จากการสอบถาม นางฉวีวรรณ ไทยเหนือ ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
...
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ วันที่ 21 ก.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางฉวีวรรณ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา "ลักข่า" ได้ยืนยันว่าตนเก็บข่าในที่ดินสาธารณะ โดยถอนข่ามากินกับน้ำพริก 1 กำ ไม่มีความจำเป็นจะเข้าไปเก็บในที่ดินคู่กรณี เพราะในที่ดินสาธารณะก็มีข่าอยู่เต็ม ตนจึงได้ปฏิเสธ และถ้าจะมาเรียกร้องค่าเสียหายคงไม่มีให้ แต่จะขอต่อสู้ตามกระบวนการในชั้นศาลต่อไป ขณะที่เพื่อนบ้านนับสิบคนก็ออกมายืนยันว่านางฉวีวรรณ เป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร ชอบช่วยเหลือสังคม และเปรยกับคนใกล้ชิดว่าอยากฆ่าตัวตาย
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ภิญโญ สุทธิสาร ผกก.สภ.พังโคน ได้เรียกคู่กรณี ทั้ง 2 มาไกล่เกลี่ย เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีเล็กน้อย โดยมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.พังโคนมาเป็นพยาน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการเรียกคู่กรณีมาตกลงกันแต่ปรากฏว่าไม่มา ซึ่งล่าสุด ผกก.สภ.พังโคน ได้พูดไกล่เกลี่ยนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล ฝ่ายผู้กล่าวหายังยืนยันจะเอาเงิน 5 พันบาท ฝ่ายผู้ต้องหายืนยันไม่มีให้ สรุปทางตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตามกระบวนการ แต่หากใครมีพยานหลักฐานอ้างอิงอะไรก็ให้นำมา ยินดีจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย.