"มนัญญา" รับข้อเสนอ จ.หนองคายเร่งปรับปรุงรับส่งออก-นำเข้าแก้คอขวดที่ด่าน คาดสิ้นปี 65 ยอดส่งออกผลไม้ด่านหนองคายทะลุ 1 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 65 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามการทำงานด่านตรวจพืชหนองคาย ที่ด่านศุลกากร จ.หนองคาย ว่า มารับทราบปัญหาอุปสรรคเพื่อหาทางแก้ไขเนื่องจากการส่งออก-นำเข้าสินค้าผ่านด่านแห่งนี้มีการขยายตัวของปริมาณสินค้าเพิ่มมากขึ้น แต่พื้นที่ไม่เพียงพอ เบื้องต้นทราบว่าผวจ.ได้จัดหาที่ดินจะรองรับการขยายตัวกว่าร้อยไร่ แต่งบประมาณปรับปรุงไม่เพียงพอดังนั้นจะรับส่วนนี้ไปหารือกับทางรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่แออัด ไม่สามารถรองรับการขนส่งได้ทันกับฤดูการผลิต คาดสิ้นปี ยอดส่งออกผลไม้ไทย เฉพาะจากด่านหนองคายสู่จีน ทะลุ 1,000 ล้านบาท

"ที่เอกชนระบุว่าช้านั้น เมื่อมาดูข้อเท็จจริงก็พบว่า ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ แต่เนื่องจากพื้นที่แออัด ทำให้ไม่คล่องตัวในการเข้าใช้บริการ แต่ยืนยันว่าการตรวจสินค้าเกษตรทั้งส่งออก-นำเข้าไม่ล่าช้า เร็วกว่าเดิมเพราะมีห้องปฏิบัติการตรวจสอบเคลื่อนที่ ดังนั้นที่มีบางข่าวระบุว่าช้านั้นไม่จริง แต่เป็นเพราะเอกชนบางรายรอให้มีสินค้าเข้ามาเต็มจำนวน 50 ตู้เพื่อลดค่าขนส่งทางรถไฟ ยืนยันทุกฝ่ายล้วนทำงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ ดังนั้นขอรับข้อเสนอของจังหวัดไปผลักดันต่อไป เพราะการเขียนงบว่าเพื่อขยายพื้นที่รองรับรถไฟไทยจีน ทางผู้อนุมัติอาจมองว่ายังไม่มีรถไฟเลยอาจจัดสรรงบมาน้อย ดังนั้นจะช่วยไปชี้แจงแทนชาวหนองคายว่า รองรับการขยายตัวของการส่งออกและนำเข้าสินค้า" นางสาวมนัญญากล่าว

...

รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า สำหรับระบบการตรวจปล่อยทุเรียนออกนอกราชอาณาจักรตามพิธีสารว่าด้วยการกักกันโรคและตรวจสอบก่อนส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีรูปแบบที่ชัดเจน คือด่านปลายทางตรวจสอบ ทะเบียนส่งออก หมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ หมายเลขซีล ถูกต้องครบถ้วนตามด่านตรวจพืชต้นทางแจ้งผ่านระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ ส่งสำเนาใบรับรองสุขอนามัยพืชผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังประเทศปลายทาง ดังนั้นคาดว่าจะทำให้การส่งออกดีขึ้น

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า กรมพร้อมบูรณาการจัดหาพื้นที่ร่วมกับศุลกากร เพื่อขยายศักยภาพของด่านให้รองรับการขยายตัวพื้นที่เศรษฐกิจของภาคอีสานตอนบน ทั้งนี้จากการติดตามงานพบว่ามีปัญหาอุปสรรคในการตรวจปล่อยสินค้าที่เข้ามากับเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาว-ไทย มาถึงล่าช้าทำให้การปฏิบัติงานล่าช้าไม่เป็นไปตามกำหนด ผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มและต้องปฏิบัติตามมาตรการปลอดโควิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ประกอบกับการนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นเรื่องใหม่ต้องปฏิบัติภายใต้พิธีสารที่กำหนดมีความละเอียดทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสินค้าก่อนนำเข้านาน และสินค้านำเข้าจากจีนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นแต่พื้นที่การตรวจสินค้าไม่ได้ขยายตัวตามปริมาณงานทำให้เกิดความแออัดของพื้นที่และการจราจรหน้าด่านติดขัด

โดยสินค้าเกษตรแต่ละประเภทที่นำเข้าตั้งแต่ ธ.ค.64 - เม.ย.65 มี 4 รายการคือ 1.ผักสด เช่น ผักกาดขาว บร็อกโคลี กะหล่ำปลีรูปหัวใจ บัวหิมะ กะหล่ำดอกนำเข้า 228 ครั้งต้นทางจากประเทศจีน ปริมาณ 3,317 ตัน มูลค่า 66 ล้านบาท 2.ไม้ดอกไม้ประดับ นำเข้า 10 ครั้ง จากจีน จำนวน 132 ตัน มูลค่า 13 ล้านบาท 3.ผลิตภัณฑ์จากไม้นำเข้า 2 ครั้งจากจีน 35 ตัน มูลค่า 9 แสนบาท และ 4.กระเทียมนำเข้า 1 ครั้งจากจีน ปริมาณ 26 ตัน มูลค่า 3 แสนบาท ขณะที่สินค้าเกษตรที่ส่งออกไปจีนผ่านด่านดังกล่าวจำนวน 148 ครั้ง 2.6 ล้านตัน มูลค่า 428 ล้านบาท มีปริมาณนำเข้าปี 2565 ณ เดือนพ.ค.ที่ด่านตรวจพืชหนองคายรวม 19,319 ตัน มูลค่า 162 ล้านบาท เป็นสินค้ากลุ่มข้าวบาร์เลย์ไม้แปรรูป ใบยาสูบแห้งไม้เสียบจากไม้ไผ่ ถ่านไม้และอื่นๆ ปริมาณและมูลค่าส่งออก รวม 47,644 ตัน มูลค่า 664 ล้านบาท

...

สำหรับด่านที่อนุญาตให้มีการส่งออกนำเข้าตามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรค แมลงศัตรูพืช และตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยและจีน กำหนดด่านนำเข้าส่งออกของไทย 6 ด่านคือ ด่านเชียงของ นครพนม มุกดาหาร บ้านผักกาด บึงกาฬ หนองคาย และด่านนำเข้าส่งออกของจีน 10 ด่านคือ 1.ด่านโหย่วอี้กว่าน 2.โม่ฮาน 3.ตงซิง 4.ด่านรถไฟผิงเสียง 5.ด่านรถไฟโม่ฮ่าน 6.ด่านเหอโขว่ 7.ด่านรถไฟเหอโขว่ 8.ด่านหลงปัง 9.ด่านเทียนเป่า และ 10.ด่านสุยโขว่.