ภาพประกอบจากแฟ้มข่าว

ผอ.สำนักพุทธฯ โคราชสั่งตามตัว หลวงเจ๊มหาเปรียญ คุกคามทางเพศสามเณรที่ อ.น้ำพอง พระผู้ปกครองยืนยันยังไม่พบตัว ลั่นเจอตัวจับปาราชิกได้เลย ขณะที่ความผิดอาญาหากผู้เสียหายเอาผิด ไปแจ้งความตำรวจได้

กรณีหลวงเจ๊ พระมหา (นามสมมติ) อายุ 26 ปี พำนักอยู่ที่วัดอิสาณ บ้านหนองแสง ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มีพฤติกรรมแบบชายรักชาย จะชอบตระเวนไปตามวัดต่างๆ ที่มีสามเณรอยู่จำนวนมาก แล้วจะเข้าไปคุกคามสามเณร พร้อมกับเชิญชวนให้มาขายบริการทางเพศให้ทำในลักษณะนี้มาไม่ต่ำกว่า 3 ปีตามที่มีข่าวแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565 ได้รับทราบว่าได้กลับมาอยู่ที่วัดศิริโภคาภิรมย์ ถนนทางหลวงชนบท ต.ช่องแมว อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตรวจสอบ

นายวินัย บุณยรัชตปรีชา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบลงพื้นที่อยู่ รวมทั้งเรื่องนี้เรายังไม่ได้รับการแจ้งมาจากคณะสงฆ์จาก จ.ขอนแก่น ส่วนกรณีที่ถ้าพบว่าพระร่วมหลับนอนพฤติกรรมคุกคามสามเณร พร้อมกับเชิญชวนให้มาขายบริการทางเพศให้ เรื่องนี้ต้องย้ำว่าถ้าผิดก็เป็นความผิดหนักคือ ปาราชิก ความเป็นปาราชิกไม่ต้องจับสึก เป็นพ้นจากพระโดยพฤติกรรมอยู่แล้ว และจะไม่สามารถบวชใหม่ได้ ถ้ามีความผิดหมายถึงไปยุ่งเกี่ยวโดยทำในลักษณะอย่างนี้

...

ผู้อำนวยการ พศ.จังหวัดนครราชสีมา กล่าวต่อว่า เรื่องทำนองนี้ทาง รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้มอบนโยบายให้สอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิดและเข้มข้น แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ เรามีน้อยก็ได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กอ.รมน.จังหวัดฯ, ฝ่ายปกครอง และคณะสงฆ์ ร่วมด้วยช่วยกันสอดส่องดูพฤติกรรม ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายหลังจากปาราชิกแล้วกรณีถ้าไปล่วงละเมิดกับเด็กอันนั้นก็เป็นกฎหมายบ้านเมือง แต่วินัยสงฆ์เป็นเรื่องของทางพระ แต่ทีนี้มีปรากฏภาพออกมา แต่ยังไม่เจอตัวพระที่ว่าหรือว่า จ.ขอนแก่น ถ้ามีหลักฐานชัดเจน อะไรชัดเจนเดี๋ยวทางสงฆ์ก็จะพิจารณาโดยต้นสังกัดของท่าน

นายวินัย กล่าวอีกว่า โดยปรกติจริงๆ แล้วกรณีพระประพฤติผิดวินัยสงฆ์ ประพฤติผิดกฎหมายสำนักพุทธจังหวัดต่างๆ เขาก็ดำเนินการมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าเราไม่ให้ออกข่าว เช่น เลขาเจ้าคณะจังหวัดปีหนึ่งๆ ก็สึกหลายรูป เรื่องนี้ไม่ต้องไปถึงมหาเถรสมาคมก็ต้นสังกัดท่านที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งถ้าปาราชิกทางคณะสงฆ์ก็จะทำทะเบียนของท่านเอาไว้เพื่อไว้ตรวจสอบ ถ้าเกิดไปบวชอีกเมื่อไหร่ก็เข้าข่ายแต่งกายเลียนแบบพระ ขณะนี้เรากำลังตรวจสอบ และถ้าหากพี่น้องประชาชนญาติโยมพบเห็น หรือเจอก็สามารถแจ้งเราได้

ผู้อำนวยการ พศ.จังหวัดนครราชสีมา กล่าวด้วยว่า กรณีนี้เขาเรียกว่าผิดทางวินัยสงฆ์ก็แจ้งพระสังฆาธิการ พระลูกวัดก็แจ้งเจ้าอาวาส ถ้าเป็นเจ้าอาวาสก็แจ้งเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ หรือให้ข้อมูลมาทางสำนักพุทธฯ เราก็แจ้งให้คณะสงฆ์ดำเนินการ แต่ถ้าเป็นเรื่องทางบ้านเมือง ผู้เสียหายถ้าจะเอาผิดก็สามารถไปแจ้งความดำเนินคดีได้เลย ซึ่งการตรวจสอบของคณะสงฆ์ และเจ้าคณะผู้ปกครองใน อ.ลำทะเมนชัย ตอนนี้ไปตรวจสอบที่วัดแล้วยังไม่เจอตัว และจากการสอบถามในพื้นที่ทราบว่า ท่านไปหลายวัด หลายสถานที่ และยังไม่ยืนยันว่าพบตัวแต่อย่างใด.