เมาแล้วกร่าง "ตำรวจ" ไม่พอใจสาวเจ้าของร้านไม่นั่งดื่มด้วย ซ้ำด่าหยาบคาย กล่าวหาครูเป็นเมียน้อย ล่าสุดโดนสั่งย้ายแล้ว พร้อมหอบกระเช้าไหว้สวยขอโทษผู้เสียหาย

จากกรณี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขต อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี โพสต์คลิปเหตุการณ์ถูกชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำแหน่ง สวป.สภ.โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ใช้ถ้อยคำหยาบคาย หลังไม่พอใจที่ชักชวนให้ตนมานั่งคุยและชงเหล้า แต่ถูกปฏิเสธ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของร้านอายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของคลิปดังกล่าว เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม วันจันทร์ที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนนั่งทานข้าวกับครูที่รู้จัก จากนั้นก็มีลูกค้าที่แต่งตัวครึ่งท่อนคล้ายตำรวจ 2 คน เดินเข้ามาในร้าน ถามว่าร้านปิดหรือยัง ตนก็ตอบกลับไปว่ายัง เชิญนั่งก่อน

จากนั้นลูกค้าหนึ่งในสองคนได้พูดบอกให้ตนไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะ ตนก็บอกนั่งด้วยไม่ได้ จากนั้นชายคนดังกล่าว พูดถามว่า เป็นใครมานั่งด้วยไม่ได้ ตนก็รู้สึกตกใจ พยายามตั้งสติถามกลับไปว่า เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดี ลูกค้าบอกเอาเหล้ามา เอาแค่โซดา ตนก็ถามต่อ สั่งอาหารไหม เขาก็บอกว่า จะสั่งมาทำไม สั่งไปก็ไม่มีเด็กมานั่งกินด้วย เราก็บอกไปอีกว่า เป็นสวนอาหาร ไม่ใช่ร้านมีเด็กนั่งดริงก์ จากนั้นสถาการณ์เริ่มตึงเครียดตามคลิป

...

ขณะที่ครูซึ่งมีแฟนเป็นตำรวจเหมือนกัน จึงได้เข้ามาตัดบท บอกแฟนเป็นตำรวจเหมือนกัน เผื่อลูกค้าทั้ง 2 คน จะเกรงใจ แต่กลับขอชื่อไปเช็กในทำเนียบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หลังจากค้นก็รู้ว่าเป็นตำรวจจริง แต่ก็ไม่ยอมจบ กลับพูดอีกเป็นตำรวจจริงหรือเปล่า หน้าเล็กๆ แหลมๆ ตำรวจปลอม รู้ไหมว่าตนเป็นใคร แล้วให้ครูโทรหาแฟนเพื่อรายงานตัวกับเขา แต่แฟนครูไม่รายงานตัว แล้วด่าครูว่าหน้าตาแบบนี้เป็นได้แค่เมียน้อยเขานั่นแหละ

จากนั้น ในวันที่ 22 ก.พ. 2565 ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.โขงเจียม และเข้าพบ พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธ์ รักษาราชการแทน ผู้กำกับ สภ.โขงเจียม ซึ่งทางท่านผู้กำกับได้รับเรื่อง แล้วรับปากจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ ภายในเย็นวันเดียวกัน ทางผู้กำกับพร้อมกับชายในคลิปได้เดินทางมาที่ร้านพร้อมกระเช้าของขวัญเพื่อมาขอโทษ ซึ่งตนเองก็รับแค่คำขอโทษ ส่วนกระเช้าตนเองไม่ขอรับ ส่วนเรื่องของดำเนินคดีความตนเองไม่ติดใจ แค่อยากให้เจ้าตัวเขาสำนึกผิด และลงคลิปให้เป็นบทเรียนไม่ทำอีก

ทางด้าน พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ ยอมรับชายในคลิปเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ขณะเกิดเหตุไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำส่วนบุคคล แต่ตนเองในฐานะผู้บังคับบัญชาได้ดำเนินการ 3 ส่วน ส่วนแรกตนพร้อมลูกน้องในคลิปได้เดินทางไปพบผู้เสียหายเพื่อขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ต้องขอโทษทางผู้เสียหายที่ลูกน้องประพฤติตัวไม่ดีเสื่อมเสียต่อองค์กร

ส่วนเรื่องที่สอง การดำเนินคดีต้องดูว่าผู้เสียหายจะดำเนินการอย่างไรต่อ ส่วนที่สาม ด้านวินัยตนได้ตั้งคณะกรรมการสอบ แล้วสั่งให้ตำรวจนายดังกล่าวไปช่วยราชการ ศปก.ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ไม่ให้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งหน้าที่ปัจจุบัน ส่วนจะมีความผิดทางด้านวินัยมากน้อยเพียงใด ต้องรอผลการสอบสวน และอยากให้ประชาชนได้แยกประเด็นดังกล่าวเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรแต่อย่างใด.

(ชมคลิป - คลิกที่นี่)