นรข.เตือนนักท่องเที่ยวที่ล่องเรือไปเที่ยวสันดอนกลางแม่น้ำโขง ย้ำพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว เพราะอาจผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการปักปันเขตแดน ที่อาจเป็นการล้ำเขตแดนโดยไม่ตั้งใจ

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.65 เจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำเเม่น้ำโขง สถานีเรือมุกดาหาร (นรข.) ออกประกาศเตือนเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน เรื่องของสันดอนเกิดใหม่บริเวณแม่น้ำโขงเนื่องจากปัจจุบันแม่น้ำโขงได้มีการลดระดับของน้ำลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีสันดอนเกิดใหม่เป็นจำนวนมากทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าใจว่าสามารถลงไปทำกิจกรรมเชิงการท่องเที่ยวได้ แต่ที่จริงแล้วเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

นาวาโท เฉลิมศักดิ์ ไชยกิจ หน.สน.เรือมุกดาหาร เปิดเผยว่า ในส่วนของสันดอนทรายมีสันดอนที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นมันมีความแตกต่างกันกับหาดทราย ซึ่งหาดทรายจะต้องเป็นหาดทรายที่เกิดขึ้นจากฝั่งไทย เวลาน้ำลงก็จะเป็นหาดทรายยื่นออกมา โดยมันต่างจากสันดอนซึ่งเกิดจากบริเวณแม่น้ำโขงบริเวณด้านใน โดยไม่มีพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งติดต่อกันกับฝั่งของประเทศไทย ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่บริเวณนี้ อยากจะบอกกับประชาชนว่ามันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว หากจะไปในบริเวณนั้นขอให้งดการเดินทางไปยังบริเวณสันดอนทราย

...

สำหรับกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วย เส้นแบ่งเขตแดนไทย - ลาว ตามลำแม่น้ำโขง เป็นผลสืบเนื่องจาก หนังสือสัญญาที่ไทยทำไว้กับฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2436 (ค.ศ.1893) ซึ่งกำหนดให้สยาม (ไทย) สละข้ออ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนฝั่งซ้าย รวมทั้งเกาะทุกเกาะในแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส ต่อมาได้มีการทำอนุสัญญาฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2469 (ค.ศ.1926) ซึ่งว่าด้วยแม่น้ำโขงโดยเฉพาะ อนุสัญญาฉบับนี้กำหนดเส้นแบ่งเขตแดน ระหว่างไทย - ลาว ในแม่น้ำโขง

โดยระบุว่าในตอนที่แม่น้ำโขงไม่แยกออกเป็นหลายสาย เพราะมีเกาะตั้งอยู่ ให้ถือร่องน้ำลึกเป็นเส้นแบ่งเขตแดน ส่วนในตอนที่แยกออกเป็นหลายสาย ให้ใช้ร่องน้ำลึกของสายแยกที่ใกล้ฝั่งไทยที่สุด เป็นเส้นแบ่งเขตแดน แม้ภายหลังร่องน้ำลึกดังกล่าวจะตื้นเขินจนเชื่อมเกาะติดกับฝั่ง ก็ยังคงให้ถือร่องน้ำเดิมที่ตื้นเขินนั้น เป็นเส้นแบ่งเขตแดนตลอดไป หากจะย้ายเส้นแบ่งเขตแดน ก็ให้เป็นหน้าที่ของคณะข้าหลวงใหญ่ประจำแม่น้ำโขง เป็นผู้พิจารณา โดยย้ายไปได้เพียงร่องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด ถัดจากร่องน้ำเดิมที่ตื้นเขินเท่านั้น.