ผู้การฯ ตร.บุรีรัมย์ เรียกรอง ผกก.บ้านใหม่ไชยพจน์ สอบข้อเท็จจริง คลิปชาวบ้านบุกทวงเงินหวยใต้ดินกับภรรยา อ้างถูกเบี้ยวเกือบ 7 แสน หากพบเอี่ยวซื้อขายหวยใต้ดินจริง เอาผิดทั้งวินัยและกฎหมาย
จากกรณี เฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์ภาพคนนั่งล้อมวงกันภายในบ้านหลังหนึ่ง พร้อมข้อความว่า "แฉแหลก..พฤติกรรมนอกรีตของนายตำรวจยศใหญ่รายนึงที่บุรีรัมย์ รับเป็นเจ้ามือแทงพนันหวยรายใหญ่ในพื้นที่มานาน แต่ที่โดนแหกเพราะพักหลังใครที่ถูกเลขมักไม่ได้เงิน พอทวงถามก็ผลัดไปเรื่อยๆ หรือถูกข่มขู่หนักจนต้องยอมปล่อยไป วันก่อนมีชาวบ้านบุกไปทวงเงินที่ต้องได้เกือบเจ็ดแสน แต่ได้ถูกปฏิเสธ และไล่ไปฟ้องถ้าคิดว่าแน่จริง เลยแอบอัดคลิปไว้เพื่อเป็นหลักฐานขอความเป็นธรรม" พร้อมทั้งบอกด้วยว่า มีคลิปการเจรจาด้วย ซึ่งได้ส่งให้ตามสื่อต่างๆ แล้ว เพื่อความปลอดภัย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลุงถูกหวยใต้ดิน ถูกเมียตำรวจใหญ่เบี้ยว เดินหน้าชน ยันหลักฐานชัด)
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (3 ธ.ค.) พล.ต.ต.รุทฌธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุว่า กรณีมีคลิปการทวงเงินค่าหวยใต้ดินแชร์ในโลกออนไลน์ โดยระบุว่าเป็นภรรยาของนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เบี้ยวเงินค่าหวยใต้ดินเกือบ 7 แสนบาท จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ที่ปรากฏในคลิปเป็นภรรยาของรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จริง ซึ่งก็ได้เรียกรองผู้กำกับการป้องกันปราบปรามนายดังกล่าวเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงที่กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงว่าที่ปรากฏในคลิปเป็นลักษณะใด แต่เท่าที่ทราบเบื้องต้นมีการซื้อขายหวยใต้ดินกันจริง แต่ใครจะเป็นคนซื้อ หรือคนขาย และมีใครเกี่ยวข้องบ้างนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ละเอียดอีกครั้ง แต่หากพบว่าภรรยาของนายตำรวจดังกล่าวมีการขายหวยจริง ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายฐานขายสลากกินรวบ ส่วนคนซื้อก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
...
ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า รองผู้กำกับการป้องกันปราบปรามนายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหวยใต้ดิน ก็ต้องถูกดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและกฎหมายเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายก่อน เพราะขณะนี้ก็ยังไม่มีใครมาแจ้งความหรือร้องเรียนแต่อย่างใด มีเพียงการเผยแพร่คลิปการทวงเงินในโซเชียลเท่านั้น
ทั้งนี้ ตามนโนบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้เน้นย้ำไม่ให้ตำรวจทุกนายเข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุขหรือสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.