กรมการค้าภายใน Kick off กิจกรรมนำร่องท่องเที่ยวตลาดต้องชม และหมู่บ้านทำมาค้าขาย รองรับนโยบายเปิดประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยดึงจุดเด่นบ้านไม้เก่า สินค้าชุมชน ผ้าไททรงดำ ผ้าฝ้ายทอมือ ข้าวจี่ กุ้งเสียบไม้
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ภายในถนนคนเดิน "ตลาดต้องชมริมโขงเชียงคาน" โดยภายในงานมีกิจกรรมมอบป้ายให้ร้านค้า "กลับมาเถิดเชียงคาน #เชียงคานยังหวานอยู่" เพื่อสื่อถึงอัตลักษณ์ของชุมชน และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในตลาดต้องชมริมโขงเชียงคาน จังหวัดเลย โดยกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าชุมชนจากตลาดต้องชมและหมู่บ้านทำมาค้าขาย จะมีการประชาสัมพันธ์บนสื่อออนไลน์ "ไลฟ์สด" โดยผู้มีอิทธิพลทางความคิด เช่น ใบเฟิร์น พัสกร ลำไย ไหทองคำ โจอี้ ภูวศิษฐ์

อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาตลาดชุมชน "ตลาดต้องชม" ซึ่งเป็นตลาดในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน โดยมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวควบคู่กับนโยบายของรัฐบาลในการเปิดประเทศ ส่งผลให้เกิดความยั่งยืนของเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ตามนโบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์
...
"กรมฯ ให้ความสำคัญและเล็งเห็นศักยภาพของวิถีชีวิตชุมชนของตลาดต้องชมริมโขงเชียงคาน อันเป็น เอกลักษณ์พาณิชย์ อัตลักษณ์ของชุมชน ของอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว กรมฯ จึงเข้ามาช่วยส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มีการจับจ่ายใช้สอยจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น" นายวัฒนศักย์กล่าว

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า สำหรับจุดเด่นของตลาดต้องชมริมโขงเชียงคาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของจังหวัดเลย โดยมีบรรยากาศของบ้านเรือนไม้เก่า มีสินค้าวางขายสองข้างทางจำนวนมาก ซึ่งเป็นสินค้าชุมชน มีทั้งของกิน ของใช้ และของฝากมากมาย อาทิเช่น ผ้าไททรงดำ ผ้าฝ้ายทอมือ ข้าวจี่ กุ้ง (แม่น้ำโขง) เสียบไม้ เมี่ยงคำ ที่เป็นสินค้าแนะนำ อีกทั้งมีวัฒนธรรมพื้นเมืองที่สื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์พาณิชย์ อัตลักษณ์ของชุมชน ตลอดถนนคนเดิน
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมในช่วงปี 2564 เดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคมนี้ ภายหลังจากกิจกรรม Kick off ในวันนี้ กรมฯ จะจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ตลอดเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยมีจังหวัดนำร่องในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม จำนวน 33 จังหวัด มากกว่า 90 ตลาด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า 100 ล้านบาท.
