คุณตาวัย 73 อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านหนองครก ขับรถเก๋งแล้วเสียหลักพุ่งเข้าวัดบึงบ้านสนม จ.สุรินทร์ ชนรั้วก่อนอัดรูปปั้นพญานาคหน้าโบสถ์พัง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา คาดโรคกำเริบแล้ววูบคาพวงมาลัย

เมื่อวานนี้ 25 สิงหาคม 2564 เวลา 12.00 น. พลเมืองดีได้แจ้งเหตุว่า มีรถเก๋งพุ่งชนทางขึ้นอุโบสถ ทำให้พญานาคที่สร้างไว้ด้านหน้าประตูโบสถ์พังเสียหายหักหลายท่อน เหตุเกิดที่บริเวณวัดบึงบ้านสนม ต.สนม จ.สุรินทร์ ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ไทป์ Z สีบรอนซ์ ทะเบียน กท 8801 สุรินทร์ สภาพเสียหายยับเยิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายเป็นชาย ทราบชื่อต่อมา นายสากล สมทิพย์ อายุ 73 ปีชาวบ้าน บ้านหนองครก ต.หัวงัว อ.สนม จ.สุรินทร์ เป็นข้าราชการครูเกษียณอดีต ผอ. โรงเรียนบ้านหนองครก เจ้าหน้ากู้ภัยฮุก 31 รัตนบุรี จุดสนม เร่งช่วยเหลือนำตัวคนเจ็บออกจากรถยนต์คันดังกล่าว และส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลสนม เพื่อช่วยชีวิตต่อไป

...

หลวงตาสุนัย ฐิตะคุโน อายุ 64 ปี พยานผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ช่วงเวลานั้นหลวงตาฉันข้าวเสร็จพอดี จึงมานั่งพักอยู่บริเวณหน้าโบสถ์ใกล้ที่เกิดเหตุ สักพักได้ยินเสียงดังตูมที่บริเวณหน้าประตูวัด และเห็นรถยนต์คันดังกล่าววิ่งพุ่งเข้ามาหาโบสถ์อย่างเร็ว และพุ่งชนฐานของพญานาคหักพังเสียหายดังภาพ หลวงตาจึงเดินเข้าไปดู พบคนขับเป็นชาย ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ จึงเข้าไปดูและเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบ คิดอยู่ในใจว่าอาจจะตายแล้ว เพราะพุ่งชนเข้ามาอย่างแรงและเร็ว จึงเอานิ้วอังที่จมูกคนขับ ไม่พบลมหายใจแล้ว จึงโทรแจ้งกู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดู เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ มาถึงก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ เห็นกระตุกอยู่ 2 หน เขาจึงพาคนเจ็บนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสนมต่อไป

ด้าน นายสุนทร เมืองเจริญ อายุ 75 ปี เพื่อนครูเกษียณด้วยกันกับผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายสากล สมทิพย์ ผู้ตายนั้นมีโรคประจำตัวหลายโรค และเคยเกิดอุบัติเหตุคล้ายแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นก็เกิดอาการวูบ เนื่องจากขาดน้ำตาลในเลือด แต่ไม่เป็นไร แต่มาครั้งนี้ นายสากลผู้ตายนั้น คงเกิดอาการวูบเหมือนเช่นครั้งที่ผ่านมา และทำให้เกิดอาการชักเกร็ง และอาจเหยียบคันเร่งพุ่งชนเข้ากับประตูวัดและฐานพญานาคอย่างที่เห็น โดยปกตินายสากล จะเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็ว และขับเป็นประจำทุกวัน


ส่วนสาเหตุนั้น คนขับอาจมีอาการโรคประจำตัวกำเริบในขณะขับรถ ทำให้ไม่สามารถบังคับรถได้ จึงทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้ ตำรวจจะได้มีการสอบสวนและหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่แท้จริงต่อไป.