สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต10 ส่งเสริมการปรุงดินด้วยวัสดุอินทรีย์ หรือเทคนิคการ "บ่มดิน" สำหรับปลูกพืชในภาชนะ เป็นเทคนิคใหม่ มีพื้นที่เพียงเล็กน้อยก็สามารถปลูกพืชผักได้
เมื่อวันที่ 19 ส.ค.64 นายทศนัศว์ รัตนแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 กล่าวว่า การปรุงดินด้วยวัสดุอินทรีย์ หรือ เทคนิคการบ่มดินสำหรับปลูกพืชในภาชนะ เป็นเทคนิคใหม่ ซึ่งแตกต่างจากการปรุงดินของเกษตรกรทั่วไปที่นิยมนำวัสดุปรุงดินคลุกลงไปในดินเพื่อผสมให้เข้ากับเนื้อดินมากที่สุดแล้วจึงนำไปใช้ แต่เทคนิคการบ่มดินจะเป็นการนำวัสดุที่เตรียมไว้มาวางซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ปล่อยทิ้งไว้ให้จุลินทรีย์เจริญเติบโตและมีปริมาณมาก ก่อนค่อยคลุกดินให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปใส่ในภาชนะเพื่อปลูกพืช สำหรับการบ่มดินในภาชนะเป็นเทคนิคในการปรุงดินที่ทำให้มีความสมบูรณ์ทางด้านกายภาพ ด้านเคมี แล้วก็ด้านชีวภาพด้วย นั่นก็คือการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในดิน ทำให้ดินร่วนและสามารถย่อยสลายธาตุอาหารที่มีอยู่ในเม็ดดิน หรือในอินทรียวัตถุให้ปลดปล่อยออกมาได้

...
ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ดิน กล่าวด้วยว่า ขั้นตอนการปรุงดินเริ่มจากนำขุยมะพร้าว รองไว้ด้านล่าง 1/2 ส่วน จากนั้นนำดินเตรียมไว้มาวางทับขุยมะพร้าว 1 ส่วน นำมูลวัวมาไว้ชั้นบนสุดอีก 1 ส่วน ค่อยๆ รดน้ำอย่างช้าๆ เพื่อให้น้ำซึมเข้าไปจนทั่ว แล้วให้นำขุยมะพร้าวอีก 1/2 ส่วน มาคลุมให้ทั่ว สุดท้ายให้รดน้ำจนชุ่มอีกครั้ง และนำผ้าใบหรือกระสอบคลุมไว้ ซึ่งการรดน้ำถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เนื่องจากต้องการให้ธาตุอาหารที่อยู่ในมูลวัวละลายออกมาให้เต็มที่แล้วก็ซึมลงในดินและขุยมะพร้าว จุลินทรีย์ก็เจริญเติบโตเต็มที่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสร็จขั้นตอนการปรุงดินแล้วก็บ่มดินไว้ประมาณ 7-14 วัน ซึ่งดินแต่ละชนิดจะใช้เวลาในการบ่มแตกต่างกัน มีวิธีสังเกตง่ายๆ เช่น ลองจับกองดินดูแล้วพบว่าดินร่วน วัสดุเข้ากันดีไม่จับกันเป็นก้อน หรือความร้อนลดลงแล้ว ก็สามารถคลุกแล้วก็เอาไปใส่ภาชนะเตรียมปลูกได้เลย แต่ถ้าก้อนดินที่แข็งมาก เช่น ดินเหนียว อาจต้องใช้เวลาประมาณ 14 วัน ซึ่งต้องคอยเช็กความชื้นอยู่เรื่อยๆ ถ้าความชื้นหายไปมากแต่ดินยังไม่แตกก็สามารถรดน้ำลงไปแล้วรอจนกว่าดินด้านในจะร่วนแล้วค่อยนำไปใช้ได้

"เริ่มแรกสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 ได้นำเทคนิคนี้ไปเผยแพร่ในงานวันดินโลกที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก็ได้รับผลตอบรับจากเกษตรกรเป็นอย่างดี หลังจากนั้นได้เผยแพร่สู่เกษตรกรในเครือข่าย เช่น เครือข่ายหมอดิน เครือข่ายผู้ทำเกษตรอินทรีย์แบบ PGS เกษตรกรก็ได้นำไปทดลองใช้แล้วได้ฟีดแบ็กกลับมาว่าต้นไม้เจริญเติบโตได้อย่างดี" นายทศนัศว์ กล่าว.
