ลุงวัย 61 ปีที่บุรีรัมย์ จัด "งานศพผิดตัว" รับศพลูกคนอื่นนิมนต์พระสวดบำเพ็ญกุศลที่บ้าน เพราะคิดว่าเป็นลูกชายตัวเอง ก่อนที่ลูกจะโผล่มากลางงาน ล่าสุดญาติคนตายตัวจริงนำศพไปจัดพิธีที่บ้านแล้ว ส่วนค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ที่รับมา 7 หมื่น ใช้ไป 4 หมื่น ต้องเอาเงินเก็บสมทบคืนให้กลุ่ม
วันที่ 3 มิ.ย.64 กรณีนายไพรัตน์ สายวัน อายุ 61 ปี ไปรับศพชายที่ถูกรถชนเสียชีวิต บริเวณถนนสายแคนดง-สตึก ช่วงเวลา 23.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. เพราะเชื่อว่าเป็นศพของ นายสงัด หรือ ล้าน สายวัน ลูกชายวัย 38 ปี ลูกชายที่หายออกจากบ้านไปได้ 2 วัน ถึงแม้สภาพใบหน้าศพจะผิดรูป เพราะถูกล้อรถทับ แต่นายไพรัตน์ บอกว่าจำรอยสักของลูกชายได้
จากนั้น มีการรับศพมาตั้งบำเพ็ญไว้ที่บ้านเลขที่ 51 บ้านซาด หมู่ 7 ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ แต่ต่อมาชาวบ้านต่างหมู่บ้าน ตามเอาศพภายในงาน จนกระทั่งนายล้าน ลูกชาย ที่คิดว่าตายไปแล้ว และศพอยู่ในโลง ได้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านโผล่กลางงานศพตัวเอง เรื่องจึงแดงขึ้น

จนต่อมาทราบว่า ศพที่นายไพรัตน์ เอามาตั้งไว้ที่บ้านตัวเองเพราะคิดว่าเป็นลูกชาย แต่คือศพของนายปองพล หรืออ๊อด พูลวงศ์ อายุ 35 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 บ้านหัวหนองแคน ต.สระบัว อ.แคนดง ล่าสุดศพนายอ๊อด ถูกนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านตัวเองเรียบร้อยแล้ว
...
ขณะเดีนยวกัน ที่บ้านของนายล้าน ชาวบ้านต่างนำด้ายมาผูกข้อแขน เพื่อเรียกขวัญตามประเพณี และตามความเชื่อของชาวบ้านว่า เรื่องร้ายจะกลายเป็นดี ส่วนนายล้านยังมีท่าทีร่าเริง ไม่เครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ทางด้าน นายไพรัตน์ พ่อนายล้าน กล่าวว่า หลังจากไปแจ้งตายให้ลูกแล้ว ได้ไปเบิกเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ทางครอบครัวได้ทำไว้ เพื่อนำมาจัดงานศพเป็นเงิน 70,000 บาท ใช้ไประหว่างจัดงานประมาณ 40,000 บาท โดยหลังจากเรื่องยุติลง ตนได้เอาเงินเก็บสมทบคืนให้กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ครบถ้วนแล้ว หลังจากนี้ครอบครัวคงจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา
ขณะที่นายถวิล สีงาม อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 กล่าวว่า วันเกิดเหตุพ่อของนายล้านยืนยันว่า เป็นศพของลูกชาย ตำรวจจึงต้องให้นำศพไปบำเพ็ญกุศล หลังจากผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว ประกอบกับไม่มีใครมาอ้างเป็นญาติคนเสียชีวิต
"เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ โดยเฉพาะศพที่ผิดรูปไปจากเดิม จะต้องมีการพิสูจน์ที่แน่ชัด เช่น ตำหนิรูปพรรณ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอื่นๆ มาประกอบ เพราะถ้าไม่ละเอียด อาจจะเป็นเหมือนเคสนี้ คือเอาศพคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติตัวเองไปจัดงานบำเพ็ญกุศล"