รอลุ้นรอฟังกันมาปีกว่า...ในที่สุดตำรวจหอบหลักฐานขออนุมัติหมายจับคดี “น้องชมพู่”
ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่ใครที่ไหน? เป็นคนเดิมที่หลายคนคาดคิดกันอยู่แล้วคือ นายไชย์พล วิภา
ถ้ายังจำกันได้ ตั้งแต่น้องชมพู่หายตัวไป มีการติดตามหา จนพบศพเปลือยบนภูเหล็กไฟ ชุดสืบสวนสาละวนอยู่กับหาพยานหลักฐาน หลังการชันสูตรพลิกศพพบว่า น้องชมพู่ไม่ได้ถูกทำร้าย แต่น่าจะถูกนำไปทิ้งไว้จนเสียชีวิต?!
เพราะฉะนั้นคดีนี้ไม่ใช่การฆาตกรรมโดยตรง เป็นพฤติกรรมที่เล็งเห็นผลมากกว่า?
หลังเรื่องราวการสืบสวนคลี่คลายคดี กลายเป็นที่สนใจของประชาชนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ทุกซอกทุกมุมของบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ถูกขุดคุ้ย
สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ชุดสืบสวนเป็นอย่างมาก เพราะปกติชุดสืบสวนจะดำเนินการไม่ต่างจากที่นักข่าวสันนิษฐาน วิเคราะห์ เจาะลึกเหมือนกัน
จนเวลาล่วงเลยไปคดีไม่คืบหน้า ตำรวจเริ่มถูกตำหนิเรื่องความล่าช้าการคลี่คลายคดี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ตัดสินใจตั้งคณะทำงานมีนักสืบสวนมือดีอย่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.บก.ภ.7 และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 เป็นหัวหอก
ใช้วิชาสืบสวนสอบสวน เก็บข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องสงสัย เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุละเอียดยิบ แถมยังต้องเอาพฤติกรรมของเหยื่อ พ่อแม่ญาติพี่น้องมาวิเคราะห์?
เป็นที่มาของการออกหมายจับ 3 ข้อหา 1.พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาฯ 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และ 3.กระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นฯ
จะเห็นได้ว่า ข้อกล่าวหาที่แจ้งทั้งหมดไม่มีข้อหาฆาตกรรมเพราะไม่มีประจักษ์พยาน ถึงบอกว่า คดีนี้ใช้พยานและหลักฐานแวดล้อม รวมทั้งผลการตรวจสอบทางนิติเวชวิทยาเป็นหลัก
ทำให้ยังคงเป็นดราม่าต่อไปในชั้นศาล
ทนายจำเลยกับอัยการต้องสู้กันดุเดือดแน่?
สหบาท