โรคลัมปีสกิน ระบาดแล้ว 11 จังหวัดภาคอีสาน ปศุสัตว์ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเลือด ย้ำเตือนมาตรฐานความปลอดภัยให้กับเกษตรกร พร้อมระบุโรคนี้ไม่ติดต่อสู่คน แมลงคือพาหะนำโรคที่บินไปได้ไกลกว่า 50 กม. ทุกพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง
วันที่ 20 พ.ค. ที่บ้านโคกน้อย ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายมาโนชญ์ บุญรอด รักษาการผู้อำนวยการส่วนสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์เขต 4 (ขอนแก่น) พร้อมด้วย นายมานพ เถาตะกู ปศุสัตว์ อ.เมืองขอนแก่น นายวินัย ทองทัพ กำนัน ต.พระลับ และ นายทวีชาติ ติตะปัญ ประธานสภา ทต.พระลับ นำเจ้าหน้าที่สารวัตรปศุสัตว์, ทีมสัตวแพทย์, สมาชิกสภา ทต.พระลับ และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงโคเนื้อและโคนมในพื้นที่ หลังพบโคติดเชื้อโรคลัมปีสกินแล้วในพื้นที่ ต.พระลับ ครอบคลุมหลายหมู่บ้าน
เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างเลือดและสะเก็ดตุ่มบนผิวหนังของโคที่ติดเชื้อ เพื่อนำกลับไปตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุ ตามเทคนิควิธีของกรมปศุสัตว์ รวมทั้งทำความเข้าใจกับเกษตรกรในโรคที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่เฝ้าระวัง ป้องกัน และรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกวิธี โดยมีเกษตรกรที่พบว่าโค กระบือ ตัวเองเป็นโรคลัมปีสกิน เข้าร่วมหารือและรับฟังแนวทางจากทางเจ้าหน้าที่อย่างพร้อมเพรียง
นายวินัย ทอทัพ กำนัน ต.พระลับ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ ต.พระลับ พบโค กระบือ ป่วยด้วยโรคลัมปีสกินแล้ว 4 หมู่บ้าน ผู้นำชุมชนและสมาชิกสภา ทต.พระลับ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับทีมสัตวแพทย์เพื่อทราบถึงจำนวนโค กระบือ ที่ป่วยอย่างแน่ชัด เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการรักษาและกักกันโรคอยางถูกต้อง ขณะเดียวกันจะมีการหารือร่วมกันทางอำเภอและจังหวัดในการนำทีมปศุสัตว์มาให้ความรู้กับเกษตรกรในพื้นที่เพื่อเป็นการรับทราบถึงมาตรการ ข้อกำหนด และแนวทางการดำเนินงาน หากพบการระบาดเกิดขึ้นในพื้นที่ที่อาจจะแพร่กระจายมากไปกว่านี้เนื่องจากพาหะนำโรคนั้นเกิดจากแมลง และการที่เกษตรกรยังต้องรับการช่วยเหลือในด้านวิชาการ เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ ต.พระลับ
...
ขณะที่ นายมาโนชญ์ บุญรอด รักษาการผู้อำนวยการส่วนสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์เขต 4 ขอนแก่น กล่าวว่า ในพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานปศุสัตว์เขต 4 ซึ่งครอบคลุม 12 จังหวัด ล่าสุดขณะนี้พบว่ามีพื้นที่ที่พบการกระบาดของโรคลัมปีสกินแล้ว 11 จังหวัด ในกลุ่มโคและกระบือ ดังนั้นคณะทำงานของกรมปศุสัตว์จึงเร่งลงพื้นที่จัดเก็บตัวอย่างเพื่อนำมาตรวจวิเคราะห์ รวมไปถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ ซึ่งหากมีโคและกระบือที่ป่วยด้วยโรคนี้ ทีมสัตวแพทย์จะทำการรักษาตามอาการอย่างใกล้ชิด ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกษตรกรจะต้องปฎิบัติตนได้อย่างถูกต้องเพื่อเฝ้าระวังและรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ของตนเอง
"เกษตรกรต้องสังเกตอาการของโคและกระบือ เริ่มจากการดูว่ามีตุ่มนูนแข็งขึ้นตามลำตัวหรือไม่ ต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีไข้สูง สัตว์มีอาการซึม นมโคอาจจะลดลง หรือมีอาการตาหรือขาบวมอักเสบ ซึ่งโรคนี้ติดต่อผ่านแมลงดูดเลือด โดยเฉพาะยุง เห็บ เหลือบ หรือแมลงวัน ซึ่งแมลงดังกล่าวนี้สามารถบินได้ไกลถึง 50 กม. ดังนั้นแมลงอาจจะกินเลือดโคในพื้นที่หนึ่งและบินไปกระจายเชื้อในพื้นที่ต่างๆ ก็เป็นไปได้ และในขณะนี้เฉพาะเขต อ.เมืองขอนแก่น พบว่ามีพื้นที่ ต.ศิลา ต.ท่าพระ และ ต.พระลับ พบการแพร่ระบาดของเชื้อแล้ว ทางจังหวัดได้ประกาศเป็นพื้นที่การแพร่ระบาดของโรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงต้องดการเคลื่อนย้ายสัตว์ในระยะนี้เด็ดขาด รวมทั้งการประสานการปิดตลาดนัดโค-กระบือ เพื่องดการแพร่เชื้อ และเจ้าหน้าที่จะประสานการทำงานร่วมทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับเกษตรกรเป็นการเร่งด่วน"
อย่างไรก็ดี แม้โรคที่กำลังเกิดขึ้น จะไม่มียารักษาที่หายขาดทันที แต่เป็นการรักษาตามอาการ และโรคชนิดนี้ไม่ติดต่อจากสัตว์สู่คน ดังนั้นเกษตรกรจะต้องแยกสัตว์ที่แสดงอาการออกจากสัตว์ตัวอื่น เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาและกักกันโรค ควบคู่กับการกำจัดพาหะแมลงดูดเลือดด้วยการทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงให้บ่อยครั้ง และใช้สารกำจัดแมลงละลายน้ำ พ่นบริเวณตัวสัตว์และบริเวณคอกในฟาร์มอย่างสม่ำเสมอ โดยห้ามรับประทานโคหรือกระบือที่ป่วยด้วยโรคดังกล่าวนี้เด็ดขาด และหากพบว่าโค กระบือเสียชีวิต จะต้องทำการฝังดินและปิดทับด้วยปูนซีเมนต์เท่านั้น.