พ่อแม่ใจสลาย ลูกชายวัย 15 ปี ไปเข้าค่ายลูกเสือที่กาฬสินธุ์ ลงฐานดำน้ำแล้วจมน้ำเสียชีวิตโดยไม่มีคนเห็น ฝากให้เป็นตัวอย่าง ไม่อยากให้มีการเข้าค่ายที่มีการลงน้ำ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุอีก

จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์เด็กหนุ่มวัย 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จมน้ำเสียชีวิตที่บริเวณหนองน้ำหลังวัดบ้านนาค้อที่อยู่ติดกับโรงเรียน หลังจากที่ร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (16 มี.ค.)

บรรยากาศงานศพของ ด.ช.ทองนพเก้า ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 280 หมู่ 11 ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติ ซึ่งทุกคนต่างติดใจการเสียชีวิตของลูกชายในครั้งนี้ โดยระบุว่าเหตุสลดที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทของครูผู้ควบคุมกิจกรรม

นางบัวชื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ของ ด.ช.ทองนพเก้า กล่าวว่า วันเกิดเหตุทราบว่าทางโรงเรียนจะมีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะมีการให้เด็กนักเรียนลงไปมุดน้ำ กระทั่งช่วงเย็นไม่เห็นลูกชายกลับบ้าน ซึ่งปกติจะกลับบ้านตรงเวลา ด้วยความเป็นห่วงจึงไปตามหาลูกชายและสอบถามผู้อำนวยการและครูหลายครั้ง ทุกคนก็บอกว่าไม่เห็น อีกทั้งยังไม่ค่อยสนใจ ก่อนที่ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านจะประกาศออกช่วยกันตามหาแต่ก็ไม่พบ จึงเข้าแจ้งความ และสอบถามเพื่อนของลูกชาย หลายคนเห็นครั้งสุดท้ายตอนที่ลงไปในสระน้ำร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ เบื้องต้นคาดว่าลูกชายน่าจะจมน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ กระทั่งพบว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตจริงๆ

...

แม่ของเด็กที่ตาย กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น การเข้าค่ายลูกเสือไม่ควรที่จะต้องไปลงน้ำ มุดน้ำ โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างลูกชายของตน แต่ถูกบังคับให้ลงน้ำและมุดน้ำ ทั้งๆ ที่ว่ายไม่เป็น อีกทั้งเท่าที่ทราบการเตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์การให้ความช่วยเหลือเด็กก็ไม่มี ตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างกะทันหันอย่างนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกชายของตนด้วย

ด้าน นายสุนทรา กุลาสา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยใช้สถานที่สาธารณะหมู่บ้าน ซึ่งมีสระน้ำสาธารณะห่างอยู่ด้านข้างทิศเหนือ มีถนนคั่นกลางจากโรงเรียนประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมค่ายลูกเสือทุกปี โดยในการจัดกิจกรรมได้ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกัน กลุ่มละ 13-15 คน เข้าร่วมกิจกรรมฐานต่างๆ รวม 6 ฐาน ประกอบด้วย ฐานลำเลียงน้ำ ฐานบัวตูมบัวบาน ฐานท่องกฎและคำปฏิญาณ ฐานเงื่อน ฐานปิดตาไต่เขา และฐานหลบระเบิด แต่ละฐานจะมีครูผู้ควบคุมดูแล 2 คน ทั้งนี้ ฐานที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนจมน้ำนั้นเป็นฐานที่ 6 ฐานสุดท้าย ได้ให้นักเรียนลงไปในน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัว ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุทางคณะครูก็ได้มีการเฝ้าระวัง และเช็กจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกฐาน

นายสุนทรา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี ด.ช.ทองนพเก้า ที่จมน้ำเสียชีวิตนั้น คาดว่าไม่มีใครสังเกตเห็น ด.ช.ทองนพเก้า เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในช่วงเช้า แต่กลับมาเข้าร่วมในช่วงบ่าย ซึ่งทางคณะครูผู้ควบคุมได้เช็กจำนวนนักเรียนหลังจากทุกคนขึ้นมาจากหนองน้ำก็พบว่าครบจึงไม่ได้เอะใจ กระทั่งมาทราบทีหลังว่าหายตัวไป และจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ทางโรงเรียนและคณะครูก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก ซึ่งพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และยืนยันว่าฐานค่ายลูกเสือที่ลงไปในน้ำไม่ได้บังคับให้ลงไปทุกคน

สำหรับเรื่องของคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบถามเด็กนักเรียนเบื้องต้นพบว่า การจัดกิกจรรมค่ายลูกเสือ โดยเฉพาะฐานหลบระเบิดที่เป็นจุดเกิดเหตุเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ กว้างเท่ากับสนามฟุตบอล หลายจุดมีความลึกนั้นไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก โดยพนักงานสอบสวนจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำอย่างละเอียด และเด็กนักเรียนซึ่งต้องสอบร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อหาสาเหตุว่าการจมน้ำเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากความประมาทหรืออุบัติเหตุ

...

อย่างไรก็ตามสำหรับครูฝึกชายและหญิง 2 คนที่เป็นครูฝึกและผู้ควบคุมฐานที่เกิดเหตุนั้น เบื้องต้นปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากครูทุกคนยังอยู่ในอาการเสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่พร้อมให้ข้อมูล.